ยืนยัน พระลาสิกขา เพราะ สีกากอล์ฟ

ห้องข่าวภาคเที่ยง - เข้าวันพระใหญ่แล้ว แต่เรื่องร้อนสะเทือนวงการสงฆ์ก็ยังฉาวไม่เลิก จากพระ 3 รูป ที่ลาสิกขาไปเมื่อวาน ปรากฏว่ามี 1 รูป ที่ส่งภาพมายืนยันว่า ยังไม่ได้ลาสิกขา กับอีกรูปที่เพิ่งลาสิกขาไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนนี้

ไล่เรื่องเรื่องนี้กันใหม่อีกที ถ้านับจากพระรูปแรกที่ลาสิกขาแบบสายฟ้าแล่บ ก็คือ "อดีตเจ้าคุณอาชว์" อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ

พระรูปที่ 2 เป็น "พระปลัด" ที่ไปทำพิธีลาสิกขากับเจ้าอาวาสในจังหวัดพิษณุโลก ส่วนอีก 3 รูป ที่ลาสิกขาไปเมื่อวานนี้ เพราะมีหลักฐานออกมาชัดเจน ก็คือ พระเทพวชิรธีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จังหวัดสระบุรี, พระเทพรชิวธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และล่าสุดที่จะมีการแถลงข่าวชี้แจงช่วงบ่ายวันนี้ ก็คือ พระมหาบุญเลิศ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดใหม่ (ยายแป้น) ที่เพิ่งลาสิกขา ไปเมื่อช่วง 21.00 น. อันนี้ยืนยันว่าไม่ใช่เจ้าอาวาส

ส่วน พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ที่ตอนแรกมีข่าวว่า มีหลักฐานอยู่ในโทรศัพท์ของ "สีกากอล์ฟ" และได้ลาสิกขาไปตั้งแต่ช่วงเที่ยงของเมื่อวาน ก็มีภาพชี้แจงออกมาว่ายังไม่ได้ลาสิกขา

ทำให้ตอนนี้เหลือ "พระ" อย่างน้อย 4 รูป ที่มีทั้งขาดการติดต่อ ตำรวจไปหาแล้วไม่เจอตัว ว่ากันว่ามีคนพาขึ้นรถรีบเดินทางออกไป และที่ยังไม่ชัดเจนว่าได้ลาสิกขาไปแล้วหรือไม่

ถามว่าตำรวจมีหลักฐานชัดเจนแค่ไหน ที่นำไปสู่การเจรจาให้ พระพิจารณาลาสิกขา เอาเฉพาะภาพที่เปิดเผยได้ ก็มีทั้งภาพพระที่นอนจับมือแบบนี้ หรือจะเป็นภาพที่พระนอนคลุมผ้านวม ถามว่าอันนี้ผิดไหม ก็ยังไม่ชัด หรืออย่างภาพที่พระนวดข้อเท้าใครบางคน อันนี้เป็นภาพบางส่วนจาก 80,000 กว่าภาพ ที่พบในโทรศัพท์ของสีกากอล์ฟ

หนักไปกว่านั้นคือ แช็ตการสนทนา บอกว่า ต้องเดินทางไปกิจนิมนต์แต่เช้า ขอให้อย่าน้อยใจ และมีการใช้คำว่า "รักเมียครับ" เหมือนสามีที่จะไปทำงาน แล้วคอยบอกกับภรรยาว่าตัวเองจะไปทำอะไรที่ไหน จะกลับกี่โมง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพระชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้เห็นหลักฐานเหล่านี้แล้ว ตัดสินใจลาสิกขาทันที

ถ้าเอาคำให้การของพระที่คาดว่ามีความสัมพันธ์กับ สีกากอล์ฟ มาเรียงกัน จะพบว่ามีการพูดคุยกับพระมาตั้งแต่ปี 2556 ที่จังหวัดพิจิตร จากนั้นปี 2558 มาคุยกับพระอีกรูปที่จังหวัดพิษณุโลก ปี 2559-2561 คุยกับพระที่กรุงเทพฯ 2 รูป คุยกับพระที่จังหวัดสระบุรี ปี 2562-2567 และคุยซ้อนกันอีก 2 รูป ช่วงปี 2564 ถึงปัจจุบัน

ตำรวจ และพระ ได้ร่วมกันวิเคราะห์พฤติการณ์ของ สีกากอล์ฟ ทำให้รู้ว่าเริ่มต้นจากการถวายน้ำปานะจำนวนมากที่วิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง จนเกิดภาพจำว่าเป็นเศรษฐีนีผู้ใจบุญ จากนั้นจึงเกิดการเชิญชวนให้ "สีกากอล์ฟ" ไปทำบุญตามวัดต่าง ๆ ก่อนเริ่มพูดคุยกัน และนิมนต์พระบางรูปมาทำบุญที่บ้าน แล้วเก็บภาพกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งที่เกิดจากการพลั้งเผลอ และเกิดจากความตั้งใจเหมือนอย่างที่เห็น

แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกรูปจะมีพฤติกรรมแบบนี้ เพราะจากหลักฐานภาพทั้งกว่า 80,000 รูป มีบางภาพที่เกิดจากการถ่ายด้วยกล้องของคนอื่น จึงทำให้รู้ว่ายังมีการใช้พฤติการณ์ทำบุญตามวัดต่าง ๆ แล้วเข้าไปพูดคุยตีสนิทกับคนในวัด เพื่อหาซื้อคลิปหลักฐานพระ จนนำไปพูดคุยตกลงอะไรบางอย่าง

นั่นจึงนำมาซึ่งผลการตรวจสอบบัญชีเบื้องต้น ที่ตำรวจพบหลักฐานการโอนเงินไปมาระหว่าง พระ กับสีกากอล์ฟ ช่วงระหว่างปี 2565-2568 พระบางรูปโอนเงินให้สีกากอล์ฟแค่ 2,000 บาท แต่สีกากอล์ฟโอนไปให้เกือบ 2 ล้านบาท พระบางรูปก็โอนไปให้อย่างเดียว โดยที่สีกากอล์ฟไม่ได้โอนเงินไปให้เลย หรือบางรูปโอนเงินให้กันไปมาในจำนวนใกล้เคียงกันก็มี

ไปดูปฏิกิริยาของชาวบ้านกันบ้าง ว่าคิดเห็นอย่างไรที่ได้ยินข่าว "พระชั้นผู้ใหญ่" ลาสิกขาบท อย่างที่จังหวัดสระบุรี ชาวบ้านจับกลุ่มคุยกัน บอกได้ยินข่าวลือนี้มานานแล้ว พอท่านสึกก็คิดว่าดีแล้ว และส่วนตัวก็คิดว่าความผิดเรื่องของบุคคลไม่เกี่ยวกับวัด

ส่วนที่จังหวัดพิษณุโลก และพิจิตร ที่มีข่าวพระชั้นผู้ใหญ่พัวพันกับ สีกากอล์ฟ เหมือนกัน ก็ไม่พบว่าพระชั้นผู้ใหญ่ได้ลาสิกขาบทไปแล้ว หรือไปร่วมประกอบพิธีทางศาสนาที่ไหน ชาวบ้านเห็นตรงกันว่าเรื่องนี้เป็นความผิดส่วนตัว ศาสนา วัด ไม่เกี่ยวข้อง