คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองหนัก 8 บาทในห้างดัง ขณะที่ร้านกำลังปิด พนักงานหนุ่มวิ่งไล่ตามทัน กระโดดถีบกลางหลัง ตามทองคืนได้
วันนี้ (13 ก.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ ศูนย์วิทยุ 191 สภ.เมืองระนอง รับแจ้งเหตุคนร้ายสวมเสื้อแขนยาวมีหมวกสวมศีรษะ และสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า กางเกงขายาว และสวมรองเท้าผ้าใบ ก่อเหตุชิงทองในร้านทองคำภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตำบลบางนอน อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง จึงรีบสั่งการให้ตำรวจสายตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ พร้อมด้วยกำลังชุดสืบสวน สภ.เมืองระนอง รุดเข้าที่เกิดเหตุทันที พร้อมสั่งการให้ป้อมตำรวจบนถนนสายหลัก ออกตั้งจุดสกัดบนถนนสายสำคัญรอบเขตตัวเมืองระนอง
เมื่อไปถึงห้างที่เกิดเหตุ บริเวณด้านข้างของห้างดังกล่าว ห่างจากร้านทองจุดเกิดเหตุประมาณ 90 เมตร พนักงานร้านทองและพนักงานรวม 3 คน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระนอง เข้าควบคุมคนร้ายไว้เป็นที่เรียบร้อย จากนั้นนำตัวขึ้นนั่งและสวมกุญแจมือไว้ด้านหลัง โดยทองที่ติดตัวมากับคนร้ายมีจำนวน 8 เส้น น้ำหนัก 8 บาท รวมมูลค่าร่วม 500,000 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สอบถามผู้ก่อเหตุ ทราบว่า ชื่อนายสุเมธ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดตรัง เคยขายของในห้างที่จังหวัดตรัง แต่ตกงานมาร่วม 6 เดือน มาอาศัยอยู่กับแฟนที่จังหวัดระนอง โดยเจ้าตัวยังให้การสับสนระบุว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนระแวกบ้านมาส่ง เมื่อตรวจสอบประวัติเบื้องต้น เคยถูกดำเนินคดีและต้องโทษในข้อหาฉ้อโกง และวิ่งราวทองหนัก 2 บาท ที่จังหวัดตรังมาก่อน
สอบถามนายสุริยะ อายุ 26 ปี พนักงานประจำร้านทองคำ เล่าว่า ที่วิ่งไล่ตามคนร้ายมา ได้กล่าวว่า ช่วงปิดร้าน ขณะกำลังรวบรวมและนับทอง เพื่อนำทองไปเก็บในตู้เซฟ จู่ๆ คนร้ายเดินเข้ามาแล้วหยิบทองในแผงที่ตั้งไว้จำนวน 8 บาท วิ่งออกไปทันที ตนวิ่งไล่ตามมาทัน จึงกระโดดถีบหลัง โดยมีพี่พนักงานวิ่งถือไม้มาช่วยอีก 2-3 คน ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าควบคุมตัว
พล.ต.ต.ธนวัตร วัฒนกุล ผบก.ภ.จว.ระนอง ให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะที่ร้านทองกำลังจะปิด พนักงานขายในร้านกำลังจะเก็บทอง ผู้ต้องหาได้เดินเข้าไปในร้านทอง และหยิบทองที่ตั้งอยู่บนตู้กระจกวิ่งหนีออกจากร้านไปด้านหลังห้าง พนักงานชายประจำร้านได้วิ่งตามไปทัน และได้กระโดดถีบหลังจนคนร้ายล้มลง เป็นจังหวะที่มีพลเมืองดีเข้ามาช่วย กันกอดรัดฟัดเหวี่ยง ซึ่งตอนเกิดเหตุพนักงานร้านได้รีบโทรแจ้ง 191 โดยมีตำรวจอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุพอดี ตามที่ได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่จัดเวรยามช่วงร้านทองปิดให้มาตรวจตราเป็นประจำ ก่อนจะควบคุมตัวไว้ได้ ซึ่งกรณีนี้นับได้ว่าเป็นกรณีร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งพลเมืองดี พนักงานร้าน และตำรวจช่วยกันจับคนร้ายไว้ได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
