14 ก.ค. 68 นี่เป็นคลิปเหตุการณ์ขณะที่ลูกสาววัย 43 ปี โวยวายอาละวาดขอเงินแม่ไม่ได้ ก่อนจะทำร้ายแม่ โดยมีชาวบ้านออกมาห้ามและพ่อเลี้ยงถือไม้เข้ามาฟาดระงับเหตุ โดยคลิปดังกล่าวนั้นเป็นเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 4 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา โดยแม่ได้รับบาดเจ็บศีรษะปูดบวม และปวดกรามเยื่องจากล้มกระแทกพื้นปูน ขณะที่ชาวบ้านเข้าช่วยตาช้ำฟันหัก ส่วนพ่อเลี้ยงปากแตก
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ นางจิระภา อายุ 62 ปี ชาว อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น แม่ของหญิงรายดังกล่าวได้นำคลิปมาขอความช่วยเหลือ เนื่องจากแจ้งตำรวจมาเอาตัวไปหลายครั้ง แต่ก็กลับมามีพฤติกรรมแบบเดิม หนำซ้ำยังหาวิธีทำร้ายแม่ต่าง ๆ นานา มาโดยตลอด ถึงขั้นวางเพลิงเผาบ้าน และต่อสายไฟราดน้ำจะให้ช็อตแม่ จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำตัวไปบำบัดรักษานาน ๆ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายหนักถึงขั้นเสียชีวิต
นางจิระภา เล่าว่า ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 4 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา ลูกสาวเดินข้ามถนนจากบ้านมาที่ร้าน ซึ่งอยู่เยื้องกัน เพื่อมาขอเงิน 40 บาท โดยบอกว่าเป็นค่าเดินทางเพราะจะไปเก็บเห็ด ตนเองจึงบอกว่ามีน้ำมีขนมมีอาหารเตรียมไว้ให้หมดแล้วและที่เก็บเห็ดก็อยู่ไม่ไกล ลูกสาวจึงเริ่มไม่พอใจทวงเงินผู้พิการซึ่งเป็นเงินตามสิทธิ์ได้เดือนละ 500 บาท ตนเองจึงไม่ให้ เพราะยังไม่ถึงวันที่เงินเดือนออก และไม่อยากจะสร้างนิสัยให้เบิกเงินล่วงหน้าได้ ลูกสาวจึงโวยวายเปิดกระเป๋าออกมาแล้วหยิบขวดน้ำปลามาใส่ตนเอง จังหวะนั้นยอมรับว่าจะเดินเข้าไปตบลูก จึงเกิดการชุลมุน ลูกสาวผลักจนล้มศีรษะฟาดพื้นแทบสลบ
ชาวบ้านที่ขายของอยู่หน้าร้านจึงเข้ามาช่วยห้าม เพราะลูกสาวพยายามจะเข้ามาทำร้ายซ้ำ จนได้รับบาดเจ็บฟันหักและตาช้ำ พ่อเลี้ยงจึงรีบออกมาช่วยอีกคนโดยนำไม้มาฟาดเพื่อจะระงับเหตุ ทำให้พ่อเลี้ยงปากแตกได้รับบาดเจ็บไปอีกคน กระทั่งเหตุการณ์สงบลง ลูกสาวก็ออกไป จึงได้นำคลิปดังกล่าวมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนขอให้ช่วยเหลือ เพราะที่ผ่านมาเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก
ทุกวันลูกสาวจะอาละวาดโวยวายปาข้าวของแตกเสียหาย หนักสุดย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ลูกสาววางแผน จะให้ไฟฟ้าช็อตตนเองและพ่อเลี้ยงซึ่งนอนอยู่ในห้องนอนที่บ้าน โดยแกะเอาปลั๊กสามตาออก ให้เหลือแต่สายไฟนำปลายสายไฟที่มีลวดทองแดงวางไว้ที่พื้นแล้วราดน้ำลงบนพื้นใส่ปลายสายไฟก่อนจะเสียบปลั๊ก แล้วเกิดเสียงไฟช็อตดังปั้ก จนทุกคนได้ยินสะดุ้งตื่นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกชายที่มีห้องนอนอยู่ข้าง ๆ เดินมาดูเช่นกัน โดยเปิดประตูเข้ามาเหยียบน้ำแล้วเกิดไฟดูด และเห็นสายไฟวางที่พื้นซึ่งทุกคนรู้ว่าเป็นฝีมือของลูกสาว
และลูกชายยังเห็นลูกสาวเพิ่งจะเดินออกจากห้องนอนของแม่ด้วย ในครั้งนั้นได้แจ้งตำรวจมาจับตัวไป แต่ก็ได้แค่พาไปบำบัดที่โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ เนื่องจากเสพยาเสพติด ทำการบำบัดอยู่ 2 สัปดาห์ก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมอีก ติดยาเสพติดและอาละวาดเหมือนเดิม และยังไปก่อคดีลักทรัพย์ที่ อ.โนนศิลา ถูกตำรวจจับติดคุกอยู่ในเรือนจำ 8 เดือน ครั้งนั้นลูกสาวสัญญาว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่พอพ้นโทษออกมาก็หวนกลับไปเสพยาเสพติดอีกครั้ง และอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ โวยวายอาละวาดทำลายข้าวของเหมือนเดิม ขโมยของในบ้านไปขายเพื่อเอาเงินมาซื้อยาเสพติดทั้งหมด พ่อแม่สร้างบ้านไว้ให้อยู่คนเดียวก็ทุบทำลาย
จนมาปลายปีที่แล้ววางแผนวางเพลิงบ้านตัวเอง โดยนำผ้าชุบน้ำมันพืชจุดไฟวางไว้ที่เหล็กดัดหน้าต่างห้องนอน เพื่อให้ไฟไหม้ผ้าม่านและไหม้บ้าน โชคดีที่พ่อเลี้ยงได้กลิ่นจึงก้มดูที่พื้นลอดใต้ประตูไปเห็นประกายไฟ จึงรีบผลักประตูแล้วหยิบเอาผ้าที่ลูกสาวจุดไฟโยนออกมาข้างนอกทำให้ไฟไม่ไหม้บ้าน ซึ่งก็ได้แจ้งตำรวจอีกครั้งก็พาไปบำบัด 2 สัปดาห์ก็กลับมาเหมือนเดิม
จนมาเกิดเหตุการณ์ล่าสุด จึงได้แจ้งขอความช่วยเหลือมายังสื่อมวลชน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพาลูกสาวไปบำบัดนาน ๆ หรือจับติดคุกให้นาน ๆ ก็ไม่มีปัญหา หากถามว่าไปแล้วจะช่วยให้ลูกสาวเลิกยุ่งกับยาเสพติดได้หรือไม่ ในส่วนนี้ยอมรับว่าไม่มั่นใจ แต่อย่างน้อยก็ทำให้กินอิ่มนอนหลับสนิท เพราะไม่ต้องเจอเหตุการณ์ลูกสาวอาละวาดแบบนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง
ขณะที่ นายพิชัย วันตา นายอำเภอบ้านไผ่ พร้อมด้วย พ.ต.อ. ปรัชญามาศ ไชยสุระ ผกก.สภ.บ้านไผ่ ทีมแพทย์โรงพยาบาลบ้านไผ่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือกรณีดังกล่าว ภายหลังจากทราบเรื่องและได้นำตัวลูกสาววัย 43 ปีรายนี้มาที่โรงพัก เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินอาการทางจิตเนื่องจากเจ้าตัวมีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวช และมีบัตรผู้ป่วยทางจิตและพฤติกรรม
โดยแพทย์ได้ทำการประเมินอาการของหญิงรายนี้ โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเสพยาเสพติดจากเพื่อนทุกครั้งที่ไปหา และมีการพูดจาไปเรื่อย พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา และที่ผ่านมา มีประวัติมารักษาอาการไทรอยด์ที่โรงพยาบาลบ้านไผ่ รับยาไปกินเป็นประจำ โดยไม่มีประวัติความก้าวร้าวสร้างความวุ่นวาย และสามารถพูดรู้เรื่อง แต่มีข้อมูลเอะอะโวยวายซึ่งมีผลมาจากยาเสพติด
ทั้งนี้ นายอำเภอบ้านไผ่ เปิดเผยภายหลังการประเมินว่า ขณะนี้ได้ประสานนำตัวหญิงรายนี้ส่งเข้ารับการบำบัดที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น เพื่อรักษาอาการติดยาเสพติดและควบคู่กับการดูแลอาการจิตเวชตามความประสงค์ของผู้เป็นแม่ พร้อมทำหนังสือถึงแพทย์เจ้าของไข้เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาการรักษาให้เหมาะสม รวมถึงวางแผนฟื้นฟูและแยกออกจากสภาพแวดล้อมเดิมที่อาจกระตุ้นให้กลับไปใช้ยาเสพติดอีก โดยฝ่ายปกครองจะร่วมกับตำรวจเตรียมลงพื้นที่กวาดล้างแหล่งยาเสพติดในชุมชน และหาทางจัดหาสถานที่ดูแลหญิงรายนี้อย่างเหมาะสมในระยะยาวต่อไป เนื่องจากศูนย์ CI ของอำเภอมีเฉพาะผู้ชาย จึงต้องวางแผนการดูแลอย่างรัดกุมในกรณีที่เข้ารับการบำบัดเสร็จสิ้นแล้ว