ห้องข่าวภาคเที่ยง - ฟ้องแน่กับพฤติกรรมการลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หลังทำให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บถึง 3 นาย และมี 1 นาย ต้องถูกตัดข้อเท้าทำให้หมดอนาคต
หลังได้รับทราบแน่ชัดแล้วว่าการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ได้ทำการเก็บกู้มาแล้ว 8 ทุ่น ไม่มีการใช้ในกองทัพไทย และมีการลักลอบมาวางในพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิด ได้เก็บกู้ขึ้นมา กระทรวงต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ ประท้วงการใช้ เพราะเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ละเมิดพันธกรณีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขอประฌามอย่างรุนแรงที่สุด ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนไทย ซึ่งไทยจะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาออตตาวา และหาทางแก้ไขกับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องให้กัมพูชา ให้ความร่วมมือเก็บกู้เพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน ตามที่นายกฯ 2 ประเทศได้ตกลงกันในกรอบทวิภาคี
TMAC หรือ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ดำเนินมาตรการทางกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และให้กัมพูชาหยุดการขัดขวางการปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทยตามแนวชายแดน และให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในการดำเนินงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบ.ทก. ยืนยัน ไทยไม่เคยใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 และที่พบเป็นของใหม่ที่ การประชุม ศบ.ทก.วันนี้ จะกำหนดแนวทางตอบโต้ ทำสำนวนให้รอบคอบและละเอียดเพื่อเตรียมยื่นฟ้องคณะกรรมการออตตาวา ที่จะมีการประชุมประมาณเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม ในนามรัฐบาล จะยื่นคณะกรรมการออตตาวาแลประเทศกัมพูชา เพราะพบว่ากัมพูชาผิด 2 กรณี คือมีใหม่ไว้ในครอบครอง และไม่มีการทำลายก่อน ทั้งจะยื่นประเทศที่สนับสนุนกัมพูชาเพื่อทำลายทุ่นเบิดให้เข้าใจด้วย
สำหรับอนุสัญญาฉบับนี้ซึ่งมีระยะเวลาไม่จำกัดและเปิดกว้างสำหรับทุกประเทศ มีผลบังคับใช้มาแล้ว 1 มีนาคม พ.ศ. 2542 จนถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 มี 164 ประเทศ ได้ลงสัตยาบันไว้ ที่พบว่าหากมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล จะมีการรณรงค์ในประเทศที่เป็นสมาชิกรวมตัวกันและลงมติดำเนินการกดดันกับประเทศที่ละเมิดด้วยการคว่ำบาตรที่รุนแรงสุดคือ ทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การไม่ค้าขายสินค้าให้ ไม่ให้การฝึกร่วมทางทหาร ไม่มีการขายอาวุธให้ ที่รุนแรงกว่าการเอาทหารมาลงโทษ หรือ การต้องไปขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
