วันนี้ (21 ก.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มี ผู้ปกครองร้องสื่อมวลชน ว่า ลูกชายเป็นนักเรียนชั้น ป.5 อายุ 11 ขวบ ถูกเยาวชนอายุ 18 ปี บุกทำร้ายกลางห้องเรียน จนฟันหัก เลือดกบปาก วอนเป็นกรณีตัวอย่างเรื่องความปลอดภัยในโรงเรียน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา
โดย นายอาชญา อายุ 44 ปี และ นางปาริดา อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเด็กชายนักเรียนชั้น ป.5 บอกว่า ช่วงพักเที่ยงลูกชายของตนกำลังเล่นไล่จับแมลงปอกับเพื่อนในห้องเรียน ขณะเล่นลูกชายใช้ก้อนหินปาแมลงปอ แต่พลาดไปโดนศีรษะของเพื่อนชายจนแตกเลือดไหล แม้จะไม่มีเจตนา ทางโรงเรียนได้ช่วยปฐมพยาบาล และแจ้งผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่กลับเกิดเหตุบานปลาย เมื่อพี่ชายวัย 18 ปี ของเพื่อนชายที่ศีรษะแตก ได้บุกเข้ามาในโรงเรียนพร้อมภรรยา และขึ้นไปถึงห้องเรียนชั้น ป.5 ที่ลูกชายของตนเรียนอยู่ เมื่อเห็นหน้าลูกชายตน ก็ปรี่เข้าไปตบอย่างแรงจนเลือดกลบปาก เด็กถึงกับยกมือไหว้ขอร้องแต่กลับถูกถีบซ้ำจนล้มตกจากเก้าอี้ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะออกจากโรงเรียนไปอย่างลอยนวล โดยไม่มีครูหรือเจ้าหน้าที่คนใดเข้ามาห้ามปราม
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ หลังเกิดเหตุ ไม่เพียงไม่มีคำขอโทษจากฝ่ายผู้ก่อเหตุ แต่กลับมีการท้าทายให้ไปแจ้งความ และยังข่มขู่ผ่านนักเรียนชั้น ม.3 โดยระบุว่า หากแจ้งความจนผู้ก่อเหตุถูกจับ เป้าหมายคนต่อไป คือพี่ชายของเด็กที่เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนเดียวกัน งจึงต้องพาลูกชายไปพบจิตแพทย์ หลังพบว่าลูกเริ่มมีอาการวิตกกังวลขั้นรุนแรง ไม่กล้าไปโรงเรียน ไม่กล้าร่วมกิจกรรมใด ๆ และนอนฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง
นางปาริดา ระบุว่า พวกตนเป็นแค่ครอบครัวคนธรรมดา ทำมาหากิน เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ในชุมชน เราอยากเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูก ไม่ได้อยากให้ใครเดือดร้อน แต่อยากเห็นโรงเรียนเป็นที่ปลอดภัยของเด็ก ไม่ใช่สนามประลองกำลังของใคร หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ป่าบอน ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 19 มิ.ย. 68 แต่เรื่องก็เงียบไป และล่าสุดได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าจะมีการเรียกสอบปากคำลูกชายของตนภายใต้กระบวนการสหวิชาชีพในวันพฤหัสที่ 24 ก.ค. นี้
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 2 ที่รับผิดชอบโรงเรียนดังกล่าว แต่ได้รับการปฏิเสธไม่ขอให้ข้อมูลในกรณีนี้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาด้านความปลอดภัยในสถานศึกษาที่ควรจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสูงสุดสำหรับเด็ก ทั้งยังชี้ให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ซึ่งกำลังกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม ขณะที่การป้องกันและกลไกของโรงเรียนดูจะยังไม่สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เกิดขึ้นได้อย่างทันที ในขณะที่ครอบครัวของเด็กที่ถูกทำร้ายร่างกาย ยืนยันจะเข้าเรื่องผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด จนถึงกระบวนการในชั้นศาล