สนามข่าว 7 สี - คดีอดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ที่มีโลกหลายใบ จนต้องสึกฟ้าแล่บไป วันนี้ (22 ก.ค.) ยังต้องจับตาเพิ่ม เมื่อตำรวจจะยังเข้าตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมอีก หลังพบพิรุธหลายอย่างทั้งเส้นเงินก่อสร้างพุทธอุทยานฯ ที่ก่อสร้างมานับ 10 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และโดยเฉพาะสีกาที่เข้ามาเกี่ยวพัน ซึ่งมี 2 คน ที่ตำรวจจะเชิญมาสอบปากคำสางปมทุจริตภายในวัดนี้
เรื่องนี้ "บิ๊กเต่า" รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็เผยผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน ขณะนี้พบมีคนที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน คนแรก คือ "อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ" คนที่ 2 พระลูกวัด และคนที่ 3 เป็นฆราวาส
โดยเป้าหมายที่ตรวจสอบบัญชีธนาคารอย่างน้อย 8 บัญชี เป็นเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ วัดนครสวรรค์, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะเงินที่ใช้ก่อสร้างโครงการ พุทธอุทยานนครสวรรค์
ซึ่งการโอนเงินจากบัญชีเหล่านี้ออกไปแล้วไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เช่น ให้นำไปเป็นค่าก่อสร้าง แต่กลับเอาไปให้คนอื่น ก็จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ แบบเดียวกับในคดี "สีกากอล์ฟ" ทันที
โดยตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมจะสอบปากคำผู้หญิง 2 คน เพิ่ม เพราะมีเส้นเงินผิดปกติเพื่อคลี่คลายคดีนี้
มีข้อมูลช่วงก่อสร้าง พุทธอุทยานฯ มีการเรี่ยไรเงินบริจาคจากวัดต่าง ๆ ในพื้นที่จำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็ วัดธารทหาร หรือ วัดห้วยด้วน ที่ หลวงพ่อพัฒน์ อดีตเจ้าอาวาส เคยมอบเงินสนับสนุนให้ก่อสร้างรวมกว่า 30 ล้านบาท แต่การก่อสร้าง พุทธอุทยานฯ ก็สะดุดเพราะคดีผู้รับเหมาฉ้อโกง ตำรวจจึงต้องเคลียร์ว่าเงินทั้งหมดที่ได้มาและใช้ไปเป็นจำนวนเท่าไหร่แน่
จากนั้นช่วงเย็น ตำรวจ บก.ปปป. ยกชุดตามไปตรวจสอบเรื่องนี้ซ้ำว่า การเบิกจ่ายเงินของแต่ละบัญชีเป็นอย่างไร ก่อนที่ "พระครูสุธีธรรมบัณฑิต" จะเรียกพระลูกวัดมาประชุมหาทางออก เพื่อสยบข่าวไม่จริง เช่น การโฟกัสว่าร้านขายขนมชื่อดังเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย และวันนี้ (22 ก.ค.) ตำรวจก็จะยังเข้าตรวจสอบที่วัดเพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มในการเร่งสางคดีด้วย
ส่วนผลหารือในที่ประชุมมหาเถรสมาคม หรือ มส. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษา มส. ก็เผยว่า ที่ประชุมมีมติให้แก้ไขกฎนิคหกรรมใน พ.ร.บ.สงฆ์ ทั้ง 2 ฉบับ เพื่อเอาผิดพระ และฆราวาสที่ร่วมกันกระทำผิด เช่น เรื่องเงิน เรื่องชู้สาว ที่ถือว่าใช้ยาแรงเลย เพราะถ้ามีหลักฐานชัดเจน ผิดวินัย ต้องอาบัติปาราชิกในข้อการเสพเมถุน จะต้องดำเนินการให้ปาราชิกภายใน 10 วัน โดยไม่มีขั้นตอนในการอุทธรณ์ ฎีกาอีกต่อไป ซึ่งมตินี้จะนำเข้าที่ประชุม มส. 30 กรกฎาคมนี้ เพื่อรื้อกฎหมายฉบับเดิมที่ล้าหลัง