ค้นต่อวัดนครสวรรค์ฯ หาหลักฐาน "อดีตพระ"

View icon 81
วันที่ 23 ก.ค. 2568 | 11.24 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ค้นหาหลักฐานกันต่ออีก 1 วัน สำหรับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ "อดีตพระ" อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ที่ลาสิกขาไป เพราะเรื่องพัวพันกับ "สีกา" หลังจากเมื่อวานนี้พบพิรุธหลายอย่างที่น่าสนใจ

พิรุธที่ว่ามีทั้งเรื่องการขาดทุนของ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ มจร. วิทยาเขตนครสวรรค์ ปีละ 7-8 ล้านบาท

ตู้เซฟในกุฏิเจ้าอาวาส ที่ไปเจอโฉนดที่ดินขนาด 51 ตารางวา ชื่อของ "เศรษฐินี" 1 ในสีกาที่มีชื่อพัวพันกับ "อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์" ที่เพิ่งลาสิกขาไป

และคำอธิบายของ พระครูสุธีธรรมบัณฑิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนครสวรรค์ฯ ที่บอกเล่าที่มาที่ไป และปัญหาที่เจอระหว่างการก่อสร้าง พุทธอุทยานนครสวรรค์ ว่าทำไมก่อสร้างตั้งแต่ปี 2548 ถึงปีนี้ 2568 แล้ว ยังไม่จบ

ประกอบกับเรื่องความสัมพันธ์ของ "อดีตพระ" และ "สีกา" โดยเฉพาะคนที่เป็น "อาจารย์" ทำให้วันนี้ตำรวจมุ่งเป้าไปที่การตรวจสอบ มจร. พุทธอุทยาน และสำนักงานเจ้าคณะจังหวัด เป็นพิเศษ

เพราะตามข้อมูลเรื่องการจัดสร้าง พุทธอุทยานนครสวรรค์ ตำรวจไปพบว่ามีการดำเนินการในรูปของ มูลนิธิ และมี มจร. วิทยาเขตนครสวรรค์ เข้ามาช่วยดูแลบริหารจัดการเรื่องเงิน ประกอบกับมีข้อมูลทางการสืบสวน พบว่า คนที่มาคอยดูแลบัญชีเบิก-จ่าย และทำสัญญาต่าง ๆ ก็คือ "อาจารย์" ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่มีข่าวพัวพันกับ "อดีตพระ" และประเด็นที่ได้ขยับขึ้นมา "รักษาการผู้อำนวยการ" ขณะเดียวกันภายใน มจร. ก็ยังมีที่ตั้งของ "สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์" ซึ่งเป็นอีกตำแหน่งของ "อดีตพระ" อยู่ใกล้ ๆ กัน จึงต้องไปดูเส้นทางการเงินอย่างละเอียด เช่น มีเงินเข้า-ออกอย่างไร เกี่ยวข้องกับอุทยานหรือไม่ และที่ขาดทุนเป็นเพราะอะไร

ปัญหาต่อมาคือเรื่องการบริหารจัดการก่อสร้าง โครงการ "พุทธอุทยานนครสวรรค์" ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2548 จากหลักฐานที่เจอในกุฏิ พบมีการแจกแจงว่าโครงการนี้ ได้รับเงินบริจาคมารวม 385 ล้านบาท ในช่วงระหว่างปี 2548-2564

ข้อมูลที่ ชาย พิธพงษ์ ได้จากตำรวจเพิ่มเติม พบว่าจริง ๆ แล้ว โครงการนี้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการก่อสร้างอยู่หลายครั้ง ตั้งแต่ทำเป็นรูปหล่อปูน เป็นรูปหล่อทองเหลือง เปลี่ยนไปเป็นปิดด้วยทองคำเปลว แล้วก็ย้อนกลับมาจนเป็นรูปแบบปัจจุบัน

นี่ยังไม่นับรวมปัญหาที่ถูกฉ้อโกง การฟ้องร้องแล้วแพ้คดี และคำแนะนำจาก พระชั้นผู้ใหญ่ ว่าควรจะจัดสร้างอุทยานฯ ให้มีหน้าตาแบบที่เห็นในภาพ จึงทำให้งบประมาณเดิมที่คิดว่าน่าจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท งอกเงยออกไปไม่จบไม่สิ้น

ยังไม่รวมถึงเรื่องบัญชีการเงินภายในวัด ที่ตอนนี้ก็มีสภาพคล่องไม่ค่อยดี อย่างล่าสุด ค่าบูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถ ที่ยังค้างจ่ายอยู่อีกประมาณ 1 ล้านบาท ก็ยังไม่สามารถนำเงินไปชำระได้ จึงสะท้อนให้เห็นว่ามีปัญหาเรื่องการรายรับรายจ่ายในทุกด้าน ซึ่งตำรวจเองก็กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง