ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศหลังพบกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ ที่ทำเนียบขาว เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.) ว่าบรรลุข้อตกลงภาษีกับฟิลิปปินส์แล้ว โดยจะเก็บภาษีนำเข้าจากฟิลิปปินส์ 19 % แลกกับภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 0 % ซึ่งก่อนหน้านี้ใน "วันปลดแอก" เมื่อเดือนเมษายน ทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีกับฟิลิปปินส์ 17 % ก่อนเพิ่มเป็น 20 % ในการประกาศรอบสองในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ทรัมป์ ระบุว่า ภาษีศุลกากรใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ใหญ่กว่านั้น โดยฟิลิปปินส์จะยกเลิกภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ และทั้งสองประเทศจะให้ความร่วมมือทางทหาร อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของความร่วมมือทางทหารที่ตนกล่าวถึง
ในปี 2567 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับฟิลิปปินส์เกือบ 5,000 ล้านเหรีญสหรัฐฯ หรือกว่า 160 ล้านบาท จากมูลค่าการค้า 23,500 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 740,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์บรรลุข้อตกลงกับชาติในภูมิภาคอาเซียนแล้ว 2 ประเทศ คือเวียดนามกับอินโดนีเซีย โดยอินโดนีเซียถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 19 % จากเดิม 32 % แลกกับภาษีจากสหรัฐฯ 0 % รวมทั้งให้คำมั่นว่าจะซื้อเครื่องบินโบอิง 50 ลำ, นำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเกือบ 490,000 ล้านบาท และจะนำเข้าสินค้าเกษตรมูลค่า 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 146,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ส่วนเวียดนามถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ 20 % จากก่อนหน้านี้ที่อาจโดนสูงถึง 46 % แลกกับการไม่เก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ส่วนสินค้าใช้เวียดนามเป็นทางผ่านถูกเรียกเก็บในอัตรา 40 %
