ครอบครัว น้องเมย ขอสู้ต่อให้ถึงที่สุด

View icon 114
วันที่ 24 ก.ค. 2568 | 06.37 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - หลังการตัดสินคดี "น้องเมย" อดีตนักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ 1 ถูกรุ่นพี่เตรียมทหารลงโทษจนเสียชีวิต และบทลงโทษยังให้รอลงอาญาไว้ก่อนของศาลทหารสูงสุด ทำให้มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็น

แม้คำตัดสินศาลทหารสูงสุดจะไม่เป็นอย่างที่หวัง แต่ครอบครัวก็ยังยืนยัน จะสู้ต่อในศาลพลเรือน โดยเฉพาะ คุณแม่ ที่บอกว่ายังไงก็ไม่หยุดเดิน และไปต่อให้สุดทางเพื่อลูก

ด้าน คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ยอมรับที่ศาลทหารไม่เปิดสิทธิให้ประชาชนผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องทหารได้ ต้องไปฟ้องผ่านอัยการทหาร ทำให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตไม่ได้รับความเป็นธรรม 

กรรมาธิการการทหาร และพรรคประชาชน จึงเตรียมเสนอกฎหมาย เปิดสิทธิให้ผู้เสียหายสามารถเข้าเป็นโจทก์ในคดีของศาลทหาร เพื่อให้ศาลทหารและศาลพลเรือนใช้มาตรฐานเดียวกัน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธาน กมธ.การทหาร หวังว่า นายกรัฐมนตรีจะลงนามสัตยาบัน อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน ที่จะทำให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และคณะอนุกรรมการจากองค์การสหประชาชาติ สามารถสุ่มตรวจกองทัพในเรื่องของการซ้อมทรมานได้ โดยไม่ต้องแจ้งกองทัพทราบล่วงหน้า ซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เพราะมาสุ่มตรวจสอบเฉพาะการสอบทรมานเท่านั้น

ด้าน พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า อยากพบพ่อและแม่น้องเมย เป็นการส่วนตัว หลังคู่กรณีได้เข้ารับราชการเป็นตำรวจ โดยให้แยกเป็น 2 กรณี คือ ขณะเกิดเหตุคู่กรณีไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ จึงทำให้ พ.ร.บ.ตำรวจปี 2565 ไม่สามารถดำเนินการทางวินัยได้

ส่วนที่คู่กรณี น้องเมย ทำคนอื่นเสียชีวิต ก่อนเข้ารับราชการตำรวจ จะทำให้ประชาชนเคลือบแคลงใจหรือไม่ ผบ.ตร. บอกว่า ตำรวจมีหลักจริยธรรมกำหนดไว้ โดย จเรตำรวจแห่งชาติ ต้องนำข้อมูลที่รอบด้านมาพิจารณา รวมถึงกรณีของแพทย์นิติเวชที่ชันสูตรรายแรก และทำอวัยวะ น้องเมย สูญหาย ที่ สน.พญาไท ด้วย

ส่วนที่ สภ.เมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อวานนี้ หนึ่งในรุ่นพี่ในคดีของน้องเมย ได้ขอลาหยุดเพื่อปรับสภาพจิตใจ เป็นการขอลาต่อหลังจากเดินทางไปฟังคำพิพากษา โดยทีมข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง