ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ขณะที่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ อนุมัติให้ กองทัพไทยใช้ "แผนจักรพงษ์ภูวนารถ" แล้ว หากสถานการณ์รุนแรงเกินกว่าจะควบคุมได้
ผบ.ทสส.อนุมัติใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ
โดยรัฐบาลมอบอำนาจเต็มในการบริหารสถาการณ์การชายแดน ไทย-กัมพูชา ให้กับกองทัพไทย ดำเนินการเพื่อรักษาอธิปไตย ชีวิต และทรัพย์สินของคนไทย โดยตั้งศูนย์บัญชาการทางทหาร ที่มี พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ ยืนยันได้ว่าจะไม่ยอมให้กัมพูชา รุกล้ำอธิปไตยไทย พร้อมอนุมัติให้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ บริหารจัดการสถานการณ์แล้ว
ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติการตอบโต้ในลักษณะจำกัดวง ปฏิบัติต่อเป้าหมายทางทหาร หลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนทั้ง 2 ประเทศ แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเลือกใช้อาวุธโจมตีต่อเป้าหมายพลเรือนอย่างไร้ความปรานี ละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน กรณีใช้อาวุธหนักโจมตีต่อเป้าหมายพลเรือน และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นจึงอนุมัติให้ใช้ แผนจักรพงษ์ภูวนารถ
เจาะแผนจักรพงษ์ภูวนารถ "โต้ตรง มั่นคง ไม่ถอย"
เมื่อเช้าที่ผ่านมา เสียงปืนดังสนั่น หลัง กัมพูชา เปิดฉากถล่มโจมตีประเทศไทย สร้างความสูญเสียเป็นวงกว้าง
ทำให้ ประเทศไทย ต้องปกป้องชีวิตประชาชน และรักษาอธิปไตย ตอบโต้ด้วยการเปิดปฏิบัติการโดยเครื่องบิน F-16 จำนวน 6 ลำ โจมตีเป้าหมายที่ตั้งอาวุธหนักทหารกัมพูชา ที่มีความแม่นยำสูง โดยใช้เวลาปฏิบัติการเพียง 20 นาที และได้กลับฐานปฏิบัติการอย่างปลอดภัยทุกลำ
เน้นย้ำว่า นี่คือการตอบโต้ หลังจากที่กัมพูชา เปิดฉากโจมตีเราก่อนเมื่อเช้าที่ผ่านมา 6 พื้นที่หลัก ใน 3 จังหวัด คือ
1.บริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์
2.ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์
3.ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี
4.เขาพระวิหาร บริเวณห้วยตามาเรีย ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ
5.ช่องจอม จังหวัดสุรินทร์
6.ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี
ตลอดทั้งวันมีการพูดถึง แผนจักรพงษ์ภูวนารถ ซึ่งไม่ใช่แผนการรบกับกัมพูชา แต่เป็นแผนเผชิญเหตุ เหมือนกับที่ไทยเราเคยใช้แผนนี้ ตอนเกิดเหตุปะทะกับกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ ใกล้กับปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2554 ที่กัมพูชาคิดว่า ตัวเองได้เปรียบทางยุทธศาสตร์แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่เลย จนกัมพูชายอมธงขาวเปิดทางขอเจรจากับไทย จะมี 3 ขั้น ก็คือ
1.ขั้นปกติ ใช้กองกำลังป้องกันชายแดนต่าง ๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์
2.ขั้นตอบโต้ หรือขั้นปฏิบัติการ ซึ่งใช้ในกรณีมีภัยคุกคามอย่างชัดเจนและต้องใช้กำลังขนาดใหญ่เข้าแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งมีทางเลือกในการใช้กำลังแตกต่างกันไปตามภัยคุกคามและสถานการณ์
3.ขั้นป้องกันประเทศ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อการใช้กำลังในขั้นตอบโต้ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ โดยจะเป็นการระดมสรรพกำลังทั้งหมดในการป้องกันประเทศ
