จตุพร -คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เลื่อนชุมนุมเป็นวันที่ 2 ส.ค.นี้ อ้างชายแดนไทยกัมพูชายังตึงเครียด ยัน ชุมนุมไม่มีเงื่อนไขไล่รัฐบาล แต่ประณามการรุกล้ำอธิปไตย พร้อมเตือน รมว.ต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ไม่พลาดพลั้งบนเวทีโลก ยอมรับไม่เชื่อฝีมือ เพราะคุ้ยเคยกันดี
วันนี้ (25 ก.ค.68) นาย จตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมแกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เดินทางเข้าพบตัวแทนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อแจ้งเลื่อนการชุมนุมจากเดิมที่นัดหมายชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันที่ 28 ก.ค.นี้ไปเป็นวันที่ 2 ส.ค.นี้
นาย จตุพร เปิดเผยว่า สาเหตุที่เลื่อนการชุมนุม เนื่องจากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทยกัมพูชายังคงตึงเครียดเชื่อว่าประชาชนยังคงติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด รวมถึงกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารต้องเข้าไปดูแลพื้นที่ในจุดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จึงเกิดความไม่สะดวกในการเข้ามาดูแลการชุมนุม และการเดินทางมาร่วมชุมนุมของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ จึงขอเลื่อนการชุมนุมดังกล่าวออกไปเป็นวันที่ 2 ส.ค.แทน ทั้งนี้ ยังเชิญชวนให้ประชาชนบริจาคสิ่งของหรือเงินเพื่อสนับสนุนการชุมนุมได้ที่พื้นที่ตั้งการชุมนุมของกลุ่ม คปท. บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล
ยืนยันว่าการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในอาทิตย์หน้าไม่มีเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการขับไล่รัฐบาล แต่เป็นการเรียกร้องและประณามการรุกล้ำอธิปไตยของประเทศกัมพูชา ส่วนการเรียกร้องที่ผ่านมาที่เกี่ยวข้องกับการขับไล่รัฐบาล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระที่พิจารณาเรื่องราวต่างๆ ของนายกรัฐมนตรีอยู่ ทั้งนี้ ในช่วง 1 สัปดาห์หลังจากนี้จะมีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์โดยกลุ่ม คปท. ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
นายจตุพร ยังกล่าวถึงความเป็นห่วงของหลายฝ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการทางการทูตและการดำเนินการบนเวทีโลก ที่อาจเกิดความพลาดพลั้งให้กับประเทศกัมพูชาจนเกิดความเสียหายว่า ไม่เชื่อฝีมือของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบัน เนื่องจากเป็นบุคคลที่รู้จักและคุ้นเคยกันมาเป็นอย่างดี แต่เชื่อในฝีมือของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่มีฝีมือและประสบการณ์ในเวทีโลกและทางการทูต จึงขอให้รัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบุคคลอื่นในรัฐบาลหรือความเกี่ยวพันกับต่างประเทศ หากทำไม่ได้ก็ขอให้ลาออกไป ทั้งนี้ ยังยืนยันว่าหากเกิดความพลาดพลั้งในเวทีทางการทูต จะไม่หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาใช้ในการชุมนุมครั้งต่อไป เพราะประเด็นเรื่องการล่วงล้ำอธิปไตยของประเทศกัมพูชาและความผิดพลาดของ น.ส.แพทองธารก็เพียงพออยู่แล้ว
