UNSC เตรียมประชุมหารือความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่สหรัฐฯ เรียกร้องยุติการสู้รบทันที
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC มีกำหนดจะจัดการประชุมในวันศุกร์นี้ ที่นครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา เรียกร้องให้UNSC จัดการประชุมด่วนเพื่อหารือเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ ฟู่ กง (Fu Cong) ผู้แทนถาวรของจีนประจำสหประชาชาติ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายมีความยับยั้งชั่งใจ โดยกล่าวว่า จีนทราบดีว่าทั้งกัมพูชาและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของจีน และของกันและกัน อีกทั้งยังเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน ซึ่งอาเซียนมีประเพณีอันยาวนานในการแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี เราหวังว่าครั้งนี้จะเกิดสันติภาพขึ้นอีกครั้ง และสำหรับจีน เรากำลังไกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองฝ่าย และหวังว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
ด้าน อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และรักษาการนายกรัฐมนตรีไทย โดยแสดงความกังวลต่อความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามแนวชายแดนของไทยและกัมพูชา ซึ่งในการสนทนา ในฐานะที่มาเลเซียเป็นประธานอาเซียนในปี 2568 ได้เรียกร้องโดยตรงต่อผู้นำทั้งสองฝ่ายให้หยุดยิงทันที เพื่อป้องกันการสู้รบเพิ่มเติม และเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับการเจรจาอย่างสันติและการแก้ไขปัญหาทางการทูต ตนยินดีกับสัญญาณเชิงบวกและความเต็มใจของทั้งกรุงเทพฯ และพนมเปญ ในการพิจารณาแนวทางนี้ต่อไป มาเลเซียพร้อมที่จะช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในกระบวนการนี้
ด้าน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรสนธิสัญญาระยะยาวของประเทศไทย เรียกร้องให้ยุติการสู้รบในทันที โดย ทอมมี พิกอตต์ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า เรามีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และเสียใจอย่างยิ่งกับรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพลเรือน สหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้ยุติการสู้รบโดยทันที คุ้มครองพลเรือน และแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ
ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุปะทะทางทหารระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่งความตึงเครียดยังคงยืดเยื้อ ญี่ปุ่นขอเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุด และหวังว่าทั้งสองประเทศจะคลี่คลายสถานการณ์ผ่านการเจรจาอย่างสันติ
ด้านองค์การยูนิเซฟประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก หรือ ยูนิเซฟ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูงสุด พร้อมทั้งเร่งดำเนินการปกป้องคุ้มครองเด็กและบริการพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็ก ตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ