สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ชาวบ้านที่อยู่ติดชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องอพยพไปอยู่จุดที่ปลอดภัย หลังเหตุปะทะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็พบปัญหาขาดของใช้จำเป็น ผู้สูงอายุห่วงบ้าน คิดถึงสัตว์เลี้ยง บางคนนอนไม่หลับเพราะแปลกที่
ชาวบ้านในตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จำใจทิ้งบ้านและสัตว์เลี้ยง ย้ายมาอยู่ศูนย์อพยพเพื่อความปลอดภัย หลังทหารกัมพูชาเปิดฉากโจมตีตั้งแต่เช้า
ถึงแม้ที่ศูนย์อพยพจะปลอดภัย มีที่นอนและอาหารไว้พร้อมบริการ แต่ผู้อพยพที่มีจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาของใช้จำเป็นไม่เพียงพอ ทั้งอาหาร ยาสีฟัน สบู่ เป็นต้น ขณะเดียวกันผู้สูงอายุคิดถึงบ้าน ไม่ชินกับการอยู่แปลกที่ ทำให้บางคนนอนไม่หลับ
ยายอายุ 88 ปี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ในชีวิตเจอเหตุปะทะแบบนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกปี 2554 และครั้งนี้รุนแรงกว่าที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับ นางเทียน อายุ 50 ปี บอกว่า ได้ยินเสียงปืนดังตลอดเวลา รู้สึกกลัวมาก ไม่กล้าอยู่บ้าน ตัดสินใจอพยพมาอยู่ศูนย์ฯ
ที่บุรีรัมย์ มีชาวบ้านประมาณ 5,000 คน อพยพมาอยู่ศูนย์พักพิง ส่วนใหญ่เป็นหญิงสูงอายุกับเด็ก ๆ เพราะผู้ชายอาสาอยู่เฝ้าบ้านดูแลทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยง
ที่สุรินทร์ มีเหตุปะทะเช่นกัน แต่ชาวบ้านบางส่วน ไม่ขออพยพไปอยู่ศูนย์ฯ เพราะห่วงวัว-ควายกว่า 500 ชีวิตจะอดอยาก เลยย้ายไปอยู่ในบังเกอร์หลบภัยแทน เพื่อหาโอกาสมาดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นบ้างครั้ง
เช่นชาวบ้านคนนี้ ได้สูญเสียวัวแม่พันธุ์ จากกระสุนปืนใหญ่ตกใส่ข้างบ้าน เขายอมรับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว หรือวิตกกังวล แต่ห่วงลูกวัวที่ยังไม่หย่านมมากกว่า
ส่วนที่อุบลราชธานี มีประชาชนนำสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้ง ไปบริจาคตามศูนย์อพยพที่กระจายตัวอยู่ในจุดต่าง ๆ เนื่องจากมีชาวบ้านกว่า 900 คน ยังคงต้องการข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมถึงอาหารทั้ง 3 มื้อ
สำหรับยอดการอพยพชาวบ้านออกนอกพื้นที่เสี่ยงภัย ใน 4 จังหวัด รวมแล้วกว่า 100,000 คน