ไม่วางใจกัมพูชาหยุดยิง

View icon 130
วันที่ 29 ก.ค. 2568 | 11.23 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - แม้ว่าทั้งไทยและกัมพูชาจะประกาศหยุดยิงกันแล้วตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าช่วงเช้าฝั่งกัมพูชาก็ยังมีการยิงข้ามเข้ามา ฝั่งไทยจนเกิดการปะทะกันที่ช่องโหว่และปราสาทตาควาย

ซึ่งทางพลโท กนก เนตระคเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาค 2 มองว่า เพราะกัมพูชาไม่มีความจริงใจในการที่จะแก้ปัญหาและเชื่อถือไม่ได้ เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังไม่มีการหยุดยิง ในระบบทหารก็ไม่สามารถเจรจากันได้ ซึ่งไทยควรที่จะเก็บหลักฐานเหล่านี้ไปประณามและฟ้องต่อประชาคมโลก โดยเฉพาะประธานอาเซียนให้รับทราบข้อเท็จจริง

การปะทะกันครั้งนี้ ทำให้ทั้งทหารไทยและกัมพูชาต่างก็ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หนึ่งในนั้นคือ พลเอก สรัย ดึ๊ก รองผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 เสียชีวิตจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็น นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ทำงานในพื้นที่มานาน โดยเมื่อปี 54 ที่มีการปะทะกันบริเวณเขาพระวิหาร พลโทกนก เจอกันประสานงานกันมาตลอด เมื่อทราบข่าวว่าเสียชีวิตก็ขออโหสิกรรมให้

เรายังได้พูดคัยกับ รศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ระบุว่า พื้นที่ที่เราสถาปนาความมั่นคงตั้งแต่เมื่อคืน เป็นไปตามสิทธิ อำนาจอธิปไตยตามแผนที่ที่เรายืนยันมาตลอด แต่กัมพูชาปฏิเสธมาอย่างต่อเนื่อง และยังเข้ามายึดภูมิประเทศ ที่เป็นประโยชน์ปฏิบัติการทางทหาร ฉะนั้นหลายพื้นที่ที่เราต้องผลักดันกลับไปให้อยู่ในการควบคุมของเรา ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมากพอสมควร ที่เราสามารถเข้าไปควบคุมพื้นที่ ผลักดันให้กัมพูชาถอยห่างออกไป ก่อนที่จะมีการเจรจาตามกลไกระหว่างสองประเทศ ในการประชุม GBC วันที่ 4 สิงหาคมนี้

ส่วนกระแสข่าวว่า ที่ผ่านรัฐบาลในอดีตอย่าง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปล่อยให้กัมพูชารุกรานเข้ามาโดยไม่ได้ทำอะไร อาจารย์เผยว่า ย้อนกลับไปในปี 51 และปี 54 กัมพูชาร้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) แต่ไม่มีความคืบหน้า ทำให้กัมพูชาต้องส่งกำลังเข้ามายึดในหลายพื้นที่ ที่ผ่านมารัฐบาลอาจจะอะลุ่มอล่วย บางพื้นที่มองว่า ไม่ได้ล่อแหลม แต่บางพื้นที่ ไม่สามารถผลักดันได้ เนื่องจากเหตุผลที่ไม่ต้องการให้เกิดการสู้รบ ไม่ต่างกับชายแดนไทยด้านตะวันตกไทย-เมียนมา ลักษณะคล้ายกัน คือ ขณะนี้มีการเข้ามายึดพื้นที่ เช่น กรณีว้าแดง เราต้องการผลักดัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีก ดังนั้น รัฐบาล กองทัพ ต้องกำหนดให้ชัดเจนมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้กลับมาสู่ปัญหาแบบนี้อีก