9 ก.ย.นี้  ศาลฎีกาฯ นัดชี้ชะตาคดีทักษิณชั้น 14

9 ก.ย.นี้ ศาลฎีกาฯ นัดชี้ชะตาคดีทักษิณชั้น 14

View icon 150
วันที่ 30 ก.ค. 2568 | 13.22 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
คดีทักษิณชั้น 14 ศาลฎีกาฯ นัดชี้ชะตา 9 ก.ย.นี้  วิษณุ  ขึ้นเบิกความเกี่ยวกับกระบวนการส่งตัวไปรักษา เผยเคยแนะนำทักษิณ หลังเสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมาย ให้ได้บวชเข้าสู่ทางธรรม แต่ทักษิณแจ้งว่ามีปัญหาส่วนตัวเล็กน้อย จึงไม่สะดวก

วันนี้ (30 ก.ค.68) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยวันนี้เป็นการไต่สวนพยานจำเลย คือนายวิษณุ เครืองาม ขึ้นเบิกความในเวลา 09.30 น. โดยศาลอนุญาตให้โจทก์ (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ชักถามพยานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ นายวิษณุ ได้ส่งเอกสารประกอบการเบิกความล่วงหน้าต่อศาล 1 ฉบับ ทำให้วันนี้เป็นการที่ศาลซักถามเพิ่มเติมตามแต่ละข้อสงสัย

นายวิษณุ เบิกความในฐานะพยานสรุปว่า ก่อนที่นายทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทย วันที่ 22 ส.ค. 66 ได้รับข้อมูลการเดินทางกลับของนายทักษิณจากสื่อมวลชน ทำให้มีการเตรียมพร้อม เก้อหลายครั้ง จนกระทั่งได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงและสถานทูต จากนั้นจึงได้มีการประชุมกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเตรียมพร้อมในการรับตัวนักโทษ มีการเตรียมพร้อม เพราะจำเลยเป็นอดีตนายกฯ ถือเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองของประเทศไทย น่าจะมีศัตรูและน่าจะมีการเจ็บป่วยเนื่องจากสูงอายุ

นายวิษณุ ได้เดินทางไปพิจารณาสถานที่กักขังของนักโทษหลายราย เพื่อประกอบการตัดสินใจแต่ไม่ได้มีการเตรียมการสำหรับการย้ายตัวไปรักษาพยาบาลนอกทัณฑสถาน แต่ทั้งนี้มีการหารือว่าหากมีการเจ็บป่วยจะต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลใด ซึ่งเบื้องต้นตั้งหลักให้เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาล แต่หากมีอาการป่วยจำเพาะที่ต้องการหมอเฉพาะทางให้พิจารณาตามโรงพยาบาลที่มีข้อตกลงร่วมกัน

นายวิษณุ ได้พบนายทักษิณที่สถานพยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งได้เข้าไปพร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้พูดคุยกับทักษิณเป็นเวลา 20 นาที ณ ขณะนั้นยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดถึงการพักโทษหรือการย้ายตัวคุมขัง แต่ทางจำเลยสอบถามเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งต่อมานายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่เรื่องไม่ผ่านมาที่ตนในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

นอกจากนี้ยังได้พูดถึงปัญหาสุขภาพของทักษิณ และการออกกำลังกายในครั้งที่อยู่ต่างประเทศ โดยตนเองได้ให้คำแนะนำว่าหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการต่าง ๆ ตามกฎหมาย อยากให้นายทักษิณได้บวชเข้าสู่ทางธรรม ซึ่งนายทักษิณแจ้งว่ามีปัญหาส่วนตัวเล็กน้อยจึงไม่สะดวก

นายวิษณุ เบิกความด้วยว่า ในช่วงกลางดึกของวันที่ 22 ส.ค. ที่มีการย้ายตัวนายทักษิณเข้ารักษาตัวด่วนที่โรงพยาบาลตำรวจ ตนได้ทราบข้อมูลภายหลังจากการส่งตัวแล้วจากปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตนได้สอบถามว่าย้ายตัวไปโรงพยาบาลใด ทางปลัดฯ จึงระบุว่าเป็นโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านายทักษิณระบุว่าต้องการไปโรงพยาบาลย่านพระราม 9 ซึ่งตามระเบียบเป็นไปไม่ได้

ต่อมาภายหลังการไต่สวนพยานปากสุดท้ายเสร็จสิ้น ศาลได้นัดฟังคำสั่งคดีนี้ในวันที่ 9 ก.ย. 2568 เวลา 10.00 น. โดยศาลได้ออกหมายเรียกนายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คนปัจจุบันเข้ามาฟังคำสั่งการบังคับโทษของนายทักษิณ รวมทั้ง เรียกนายทักษิณ ให้เข้าฟังคำสั่งศาลด้วย

ต่อมานายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวนว่า ในวันนี้เป็นการไต่สวนที่ทำให้มีความสมบูรณ์ในหลายส่วนมากขึ้น จากการไต่สวนช่วงแรกที่เป็นหน่วยงานราชการและแพทยสภา ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องที่ตัวแทนจากแพทยสภาไม่ใช่ผู้ที่ทำการรักษาตัวนายทักษิณโดยตรง ดุลยพินิจต่าง ๆ จึงเป็นไปตามข้อบังคับของแพทย์อยู่แล้ว ซึ่งในวันนี้การที่ศาลออกหมายเรียก นายวิษณุ เครืองาม เข้ามาไต่สวนจึงได้ความชัดเจนถึงกระบวนการเตรียมการหลังจากการกลับมาจากต่างประเทศของนายทักษิณ เนื่องจากเป็นบุคคลสำคัญซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ศ.ดร.วิษณุ ก็ยังยืนยันว่าไม่มีการเตรียมการที่จะส่งตัวนายทักษิณออกไปรักษาภายนอกอยู่แล้วแต่การที่ส่งตัวออกไปเป็นเรื่องกระทันหันจึงต้องส่งตัวออกไปรักษายังโรงพยาภายนอก แม้นายทักษิณจะเลือกรักษายังโรงพยาบาลเอกชนแต่ก็ไม่สามารถทำได้

เมื่อถามว่าการไต่สวนพยานของจำเลยมีทั้งหมดกี่ปาก นายวิญญัติ กล่าวว่า ในตอนแรกตนและทีมทนายความได้เตรียมพยานไว้ทั้งหมดหลายปาก แต่ก็คัดจนเหลือ 3 ปาก ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นพยานที่ศาลต้องออกหมายเรียกแล้วคืออดีตแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจและแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจคนปัจจุบัน จึงเหลือพยานแค่ 1 ปากคือนายวิษณุที่เข้ามาเบิกความในวันนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง