ห้องข่าวภาคเที่ยง - จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา บริเวณ 4 จังหวัดอีสานใต้ เป็นเหตุให้หลายโรงพยาบาลของไทย ต้องปิดตัวลงและงดให้บริการชั่วคราว อีกทั้งผู้ป่วยในบ้านเราเพิ่มขึ้น จึงมีการประกาศปิดรับผู้ป่วยจากกัมพูชา
นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มีโรงพยาบาลในไทยตามแนวชายแดน ปิดไปแล้วกว่า 10 แห่ง ต้องโยกย้ายผู้ป่วย ไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงที่ปลอดภัย ซึ่งเมื่อต้องรับทั้งผู้ป่วยเดิม แต่ผู้ป่วยที่ย้ายเข้าไป ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนักกันมากขึ้น
โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ แบกรับภารกิจหน้าที่จนล้นมือ รับรักษาผู้ป่วยเดิม และผู้ป่วยที่ย้ายมาใหม่ จึงมีความจำเป็นต้องออกประกาศ งดการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา
โดยมีมติขอยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ, ปิดการให้บริการบางฝ่ายชั่วคราว, ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ สำหรับผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ยังนอนรักษาอยู่ในโรงพยาบาล ก็ให้จำกัดพื้นที่ โดยจะมีผลตั้งแต่วันนี้ (31 ก.ค.) ถึงวันที่ 10 สิงหาคม
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ยืนยันว่าไม่ใช่การปฏิเสธผู้ป่วยตามเชื้อชาติ แต่เนื่องจากตอนนี้การรักษาผู้มีสิทธิชาวไทยเกินศักยภาพแล้ว จึงงดรับผู้ป่วยต่างชาติชายแดน
ขณะที่ คุณหมอในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ ได้ออกมาระบายความในใจ บอกว่า จรรยาบรรณของทุกโรงพยาบาลในไทย ไม่เคยเป็นปฎิเสธการรักษาผู้ป่วยชาวต่างชาติ แต่ในเมื่อโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่สีแดง และยังถูกทำลายจากกระสุนปืนใหญ่ จะมีหมอ พยาบาล คนไหนกล้าให้บริการ อีกทั้งยังต้องนำผู้ป่วย ไปฝากไว้กับโรงพยาบาลอื่นชั่วคราว
ขอบคุณภาพจาก : Tiktok @doctorplawan
