สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ที่จังหวัดกาญจนบุรี

View icon 350
วันที่ 31 ก.ค. 2568 | 20.01 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
เวลา 09.14 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดถวาย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี-มูลนิธิกรุงศรี (บ้านไกรเกรียง) อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 เปิดการเรียนการสอนเมื่อปี 2560 ต่อมาในปี 2564 ได้รับการสนับสนุนให้ก่อสร้างศูนย์การเรียนแห่งใหม่ทดแทนพื้นที่เดิมซึ่งคับแคบ ประกอบด้วย อาคารเรียน, โรงอาหาร, อาคารประกอบอาหาร, ศาลาพระพุทธรูปปางลีลา, บ้านพักครู และห้องน้ำ

โอกาสนี้ ทรงติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน ตามพระราชดำริ ครั้งที่ 1,131 เปิดสอนชั้นอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 71 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง มีนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ฯ ที่กำลังศึกษาระดับมัธยม 5 คน มีผลการเรียนดีทุกคน โดยสถานศึกษาระดับมัธยมที่ใกล้ที่สุด คือ โรงเรียนบ้านน้ำพุ ห่างจากหมู่บ้าน 20 กิโลเมตร นักเรียนเข้าเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาทุกคน

ที่ผ่านมา ได้ดำเนินกิจกรรมพัฒนาเด็กและเยาวชน ตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริฯ ทุกด้าน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมขยายผลความรู้ จากโรงเรียนสู่ชุมชน

ด้านสุขอนามัย ครูได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผู้ปกครอง เนื่องจากสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล บ้านน้ำพุล่าง อยู่ห่างไป 20 กิโลเมตร และสอนทำบัญชีครัวเรือน จดบัญชีรายรับ-รายจ่าย ในปี 2567 ได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการประกวดโรงเรียนจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ ระดับจังหวัด และรางวัลชนะเลิศ โรงเรียนจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ดีเด่น กลุ่มโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

ด้านการเกษตร มีฐานปลูกผักสวนครัว เลี้ยงไก่ไข่ เพาะเห็ดนางฟ้า ส่วนน้ำอุปโภคบริโภคในโรงเรียน มาจากระบบน้ำบาดาล และแหล่งน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งน้ำอุปโภคมีไม่เพียงพอ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมชลประทาน สนองพระราชดำริ จัดหาน้ำอุปโภคเพิ่มเติม และสำหรับการเกษตรต่อไป

โรงเรียนได้น้อมนำพระราชกระแสรับสั่ง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ดำเนินการปลูกไม้ผลเพิ่ม อาทิ มะละกอ ฝรั่ง ขนุน มะม่วง ถั่วเมล็ดแห้ง เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ และจัดทำโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ 100 ตัว นำผลผลิตไปประกอบอาหารกลางวัน ให้นักเรียนได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ตามหลักโภชนาการ

ด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น มีการทอผ้ากะเหรี่ยงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ของชนเผ่ากะเหรี่ยงที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ถ่ายทอดลวดลายบนผ้าอย่างงดงาม รวมทั้งสอนทักษะอาชีพการแปรรูปปลาน้ำจืด อาทิ ปลาบ่น, ปลาสวายแผ่น, ข้าวเกรียบปลา, ปลาหวานโรยงา และปลาส้ม

โอกาสนี้ ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทาน จากโรงพยาบาลสถานพระบารมี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ออกหน่วยตรวจสุขภาพ รักษาโรคทั่วไป และบริการทันตกรรมแก่นักเรียน และราษฎร รวม 77 คน โดยทรงรับผู้ป่วย 1 คน อายุ 5 ขวบ ซึ่งสมองพิการ มีพัฒนาการช้า และครอบครัวยากจน ไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

เวลา 12.27 น. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินโครงการตามพระราชดำริ ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวัดสุธาสินี อำเภอไทรโยค ซึ่งเปิดสอนเมื่อปี 2546 ที่ศาลาวัดสุธาสินีวนาราม เพื่อแก้ปัญหานักเรียนไม่สามารถไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเฮงเค็ลไทย เนื่องจากระยะทางไกล 6 กิโลเมตร ปัจจุบันเปิดสอนชั้นปฐมวัย ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 137 คน

โรงเรียนดำเนินกิจกรรมพัฒนาเด็กและเยาวชนตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริฯ ครบทุกด้าน อาทิ ด้านการศึกษา ผลการสอบ O-NET เทียบกับระดับประเทศ ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2567-2568 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และคณิตศาสตร์ ผลต่างคะแนนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ผลต่างคะแนนลดลงจากปีก่อน

กิจกรรมสหกรณ์นักเรียน มีสมาชิก 118 คน ผลการดำเนินงาน มีกำไรกว่า 3,700 บาท ผลผลิตที่นำมาจำหน่าย อาทิ ไข่ไก่ และผักสด เปิดให้ผู้ปกครองเข้ามาซื้อไปประกอบอาหารในราคาย่อมเยา

ที่ห้องสมุด ให้บริการยืม-คืนหนังสือ มีมุมหนังสือพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีการสาธิตการเล่นเกมกระดาษบิงโกคำศัพท์ เพื่อฝึกทักษะการฟัง อ่าน และเขียน

ด้านสุขภาพอนามัย ในรายที่มีปัญหา ได้แก้ไขด้วยการจัดให้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เสริมนม เสริมผักและผลไม้ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 มื้อ พร้อมอบรมผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานเรื่องการรับประทานอาหาร การพักผ่อน และการออกกำลังกาย

ส่วนการฝึกวิชาชีพ มีหลายหน่วยงานเข้ามาสนับสนุน เช่น วิทยาลัยการอาชีพกาญจนบุรี อบรมการแปรรูปกล้วยน้ำว้า และทำสับปะรดกวนสามรส, โครงการอาชีวะ จิตอาสาปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในและภายนอกอาคารเรียน, ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ กาญจนบุรี อบรมการทอผ้าไหมเบื้องต้น และการเลี้ยงไหม, ศูนย์ฝึกวิชาชีพกาญจนบุรี (สามสงฆ์ทรงพระคุณ) สอนการแปรรูปสมุนไพรที่มีมาก เช่น สบู่ขมิ้น สบู่ว่านหางจระเข้ และสบู่มะขาม, วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกาญจนบุรี สอนการปลูก และการแปรรูปน้ำกระเจี๊ยบ

ด้านโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ผลผลิตทางการเกษตร ประเภทผัก ถั่วเมล็ดแห้ง ผลไม้ และเนื้อสัตว์ เพียงพอกับความต้องการ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้ปลูกผักแบบหมุนเวียน ได้แก่ การปลูกพืชกินใบ ผักเถาเครือ เห็ดนางฟ้า และปลูกไม้ผลตลอดปี รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ เช่น ปลาดุกในบ่อซีเมนต์และบ่อดิน เลี้ยงไก่ไข่ เป็ด และสุกร ทำให้เด็กได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ มีสุขภาพแข็งแรง

โอกาสนี้ ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทาน จากโรงพยาบาลไทรโยค และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านบ้องตี้ มีผู้มารับบริการ 231 คน ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ, ระบบไหลเวียน และระบบกล้ามเนื้อ มีคนป่วยขอเป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ 3 คน ส่วนหน่วยทันตกรรมพระราชทาน จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้บริการด้านทันตกรรมแก่นักเรียนและชุมชน 437 คน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทรงเยี่ยมราษฎรบ้านลำสมอ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได้นำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร

เวลา 16..22 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อำเภอเมือง ทรงเปิดอาคารพักพยาบาล จำนวน 4 อาคาร ซึ่งมีพระราชดำริให้จัดสร้างขึ้น เมื่อปี 2558 เนื่องจากที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่พยาบาลมีไม่เพียงพอ จึงได้พระราชทานที่ดิน จำนวน 12 ไร่ ในการจัดสร้างเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่พยาบาล ให้มีที่พักอาศัยที่เหมาะสม ดำเนินการโดยมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โดยพระราชทานชื่ออาคาร ประกอบด้วย อาคารรัตนาธิวาส แล้วเสร็จเมื่อปี 2563 และอาคารนิวาสมงคล แล้วเสร็จเมื่อปี 2565 ทั้งสองอาคารเป็นอาคารพักพยาบาล สูง 5 ชั้น จำนวน 64 ห้อง, อาคารรัตนสุดา แล้วเสร็จเมื่อปี 2564 และอาคารกัลยาสวัสดิ์ แล้วเสร็จเมื่อปี 2563 ทั้งสองอาคารเป็นอาคารพักพยาบาล สูง 7 ชั้น จำนวน 96 ห้อง โดยได้รับพระราชานุญาตให้เชิญอักษรพระนามาภิไธย "สธ" ประดิษฐานบนอาคารทั้งหมดเพื่อเป็นสิริมงคล และเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่ผู้เสียสละในวิชาชีพพยาบาล

โอกาสนี้ ทอดพระเนตรบ่อน้ำบาดาลแห่งแรกในเมืองกาญจนบุรี เป็นที่มาของ "หมู่บ้านบ่อ" ซึ่งเมื่อปี 2453 นายมั้น แซ่ล้อ ได้ชักชวนให้ชาวบ้านมาช่วยกันขุดบ่อน้ำในที่ดินของตนจนพบแหล่งน้ำ ทำให้ชาวบ้านในชุมชนและบริเวณใกล้เคียงได้ใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคกันเรื่อยมา ต่อมาในปี 2494 หลานของนายมั้น ได้บริจาคพื้นที่ให้สร้างโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา

จากนั้น ทอดพระเนตรวีดิทัศน์ผลการดำเนินงานและความก้าวหน้าของโรงพยาบาลฯ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 2496 ปัจจุบัน เป็นโรงพยาบาลศูนย์ระดับ A ขนาด 639 เตียง เปิดใช้งานจริง 758 เตียง มีบุคลากร 1,650 คน มีการขยายศักยภาพการให้บริการประชาชนด้วยระบบที่ทันสมัย อาทิ การบริการด้วยระบบ HIS คิวอัตโนมัติ และการบริหารเตียงที่เชื่อมโยงทุกแผนก, หุ่นยนต์จ่ายยาอัตโนมัติ "ช่วยจ่ายยาอย่างแม่นยำ รวดเร็ว และลดความผิดพลาด", การบริการสูติ-นรีเวชครบวงจร, ศูนย์มะเร็ง ให้บริการตั้งแต่คัดกรอง ตรวจวินิจฉัย เคมีบำบัด ไปจนถึงให้ยาแบบมุ่งเป้า นอกจากนี้ มีการอบรมและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ในสาขาหลัก ทั้ง Major Board และการฝึกอบรมพยาบาลเฉพาะทาง เพื่อยกระดับคุณภาพบุคลากรและการดูแลผู้ป่วย

ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารผู้ป่วยนอก สมเด็จพระญาณสังวร ทอดพระเนตรการดำเนินงานของศูนย์การผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ เปิดให้บริการเมื่อปี 2565 ให้การตรวจวินิจฉัย และรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ และทางเดินอาหาร ด้วยวิธีการส่องกล้องชนิดต่าง ๆ เช่น ส่องกล้องหลอดลม ทางเดินอาหารส่วนบน และลำไส้ใหญ่ ให้บริการทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน สถิติการให้บริการส่องตรวจวินิจฉัย และรักษาด้วยกล้องตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยเข้ารับบริการเป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี

ส่วนศูนย์โรคหัวใจ เปิดให้บริการเมื่อปี 2566 เพื่อรองรับผู้ป่วยโรคหัวใจในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยเฉพาะอำเภอที่ห่างไกลจากตัวจังหวัดมากกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่สามารถเข้าถึงบริการสวนหัวใจได้อย่างทันท่วงที และเพื่อยกระดับการดูแลรักษาผู้ป่วย จังหวัดฯ จึงพัฒนาศูนย์โรคหัวใจของโรงพยาบาลให้มีความเชี่ยวชาญแบบครบวงจร พร้อมรองรับประชาชนในพื้นที่และผู้ที่เดินทางมา ผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 ถึงเดือนมิถุนายน 2568 ให้บริการหัตถการโรคหัวใจไปแล้ว 1,586 คน มีทั้งบริการสวนหัวใจ ขยายหลอดเลือด และใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจถาวร

ข่าวอื่นในหมวด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง