"กรณ์" มองภาษี 19% ไทย-กัมพูชา ได้เท่ากัน สหรัฐฯ ไม่ได้แยกแยะใครผิดใครถูก

"กรณ์" มองภาษี 19% ไทย-กัมพูชา ได้เท่ากัน สหรัฐฯ ไม่ได้แยกแยะใครผิดใครถูก

View icon 179
วันที่ 1 ส.ค. 2568 | 10.41 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ยินดีกับทีมไทยแลนด์ "กรณ์" มองภาษี 19% ไทย-กัมพูชาได้เท่ากัน สหรัฐฯไม่ได้แยกแยะว่าใครผิดใครถูก ทั้งที่เดิมอัตราภาษีกัมพูชาถูกกำหนดสูงกว่า ไทยยังต้องเหนื่อยทำความเข้าใจแต่อย่างน้อยก็ทำให้กัมพูชาไม่สามารถตบตาชาวโลก สหรัฐฯ ทำให้เข้าใจในยุคนี้คำว่ามิตรภาพไม่สำคัญ มีแต่ผลประโยชน์ที่แลกกัน

วันนี้ (1 ส.ค..68) นายกรณ์ จาติกวณิช ใช้พื้นที่เฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็นเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 19% จะส่งผลอย่างไร โดยระบุว่า ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับ Team Thailand ที่สุดท้ายช่วยทำให้เราได้อัตราใกล้เคียงกับประเทศในกลุ่ม ASEAN ด้วยกัน อย่างที่ตนได้แสดงความเห็นไว้เมื่อ 2-3 วันก่อน อัตราภาษีนี้ถือว่าแลกมาด้วยเลือดเนื้อของคนไทย

ในขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีความชัดเจนว่า เรามีข้อเสนอที่เข้าตา “ทรัมป์” จนกระทั่ง “ทรัมป์” เห็นโอกาสที่จะได้เล่นบทพระเอกในการเจรจาหย่าศึก การเจรจาจึงสรุปได้ตามที่หลายคนเปรียบเสมือนเป็น “Peace Dividend”

นายกรณ์ ระบุด้วยว่า สิที่น่าสังเกตคือ สหรัฐอเมริกาไม่ได้แยกแยะว่าใครผิดใครถูกระหว่างเรากับกัมพูชา ทั้งสองประเทศได้อัตราภาษีเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่เดิมอัตราภาษีที่กัมพูชาถูกกำหนดสูงกว่าเราอยู่ที่ 49% เรายังมีการบ้านต้องทำอีกมากในการทำความเข้าใจกับชาวโลก อย่างน้อยก็ถือว่าเรายังสามารถยันไว้ไม่ให้กัมพูชาตบตาชาวโลกได้ว่าไทยเราเป็นผู้รุกราน

อย่างไรก็ตาม อัตราภาษี 19% จะทำให้กำไรผู้ส่งออกลดลงแน่นอน เพราะต้องแบกรับภาระภาษีไว้ไม่มากก็น้อย บวกกับปริมาณการบริโภคโดยชาวอเมริกันที่อาจจะลดลงเพราะของแพงขึ้น จีนน่าจะเหนื่อยที่สุด เพราะจะหนีด้วย transshipment ก็ยากขึ้น ดังนั้นผลต่อไทยเราคือสินค้าราคาถูกจากจีนจะทะลักเข้ามามากขึ้น เตรียมรับมือให้ดี

688c380d177c35.83123067.png

นายกรณ์ ระบุอีกว่า เราจะเห็นว่าวันสองวันที่ผ่านมาดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับบาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแนวโน้ม Fed จะปรับดอกเบี้ยลดลง (เตรียมรับผลเงินเฟ้อจากราคาสินค้านำเข้าที่ะสูงขึ้น) อีกส่วนเป็นเพราะการคาดการว่าอเมริกาจะมีดุลการค้าที่ติดลบน้อยลงจาก tariff ที่เริ่มมีผลวันนี่ และสุดท้ายคือไทยเองมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยชัดเจนมากขึ้นด้วย โดยสรุปผมคาดว่าจากนี้แนวโน้มดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นได้ อย่างน้อยชั่วคราว

รายละเอียดอื่น ๆ คงต้องรอดูการชี้แจงโดยรัฐบาลว่าเราได้เสนอเงื่อนไขอะไรให้สหรัฐฯ บ้าง ควรจะต้องมีการนำเสนอต่อรัฐสภาตามมาตรา 178 รัฐธรรมนูญ แต่สำหรับวันนี้ สรุปได้ว่าเราไม่ได้เสียเปรียบเพิ่มเติมจากเรื่อง tariff และท่านรองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิร ได้พูดในสิ่งที่ถูกต้องทั้งในเรื่องการเร่งเตรียมมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการด้วยวงเงินสินเชื่อ และความจำเป็นที่เราต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้แข่งขันได้ในอนาคต

ส่วน “ทรัมป์” เป็นผู้ชนะชัดเจนที่สุด ประสบความสำเร็จในการรีดภาษีได้ปีละ 300,000-500,000 ล้านดอลลาร์ จากคู่ค้าทั่วโลก และทำให้โลกเข้าใจแจ่มชัดว่าในยุคนี้คำว่ามิตรภาพไม่สำคัญ มีแต่ผลประโยชน์ที่แลกกัน ในบริบทนี้ เราอย่าหวังพึ่งใคร ถ้าเรายังไม่พัฒนาตัวเอง เราจะเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ