ไทยเสีย ช่องอานม้า จริงหรือไม่ ?

View icon 100
วันที่ 2 ส.ค. 2568 | 16.01 น.
เจาะประเด็นข่าว 7HD
แชร์
เจาะประเด็นข่าว 7HD - เช้าวันนี้ มีกระแสข่าวออกมาทำนองว่า ไทยถูกกองทัพกัมพูชา ยึดพื้นที่ช่องอานม้า ในวันสุดท้ายของการปะทะ จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายกัมพูชา พาทูตทหารไปลงพื้นที่ดังกล่าวได้ ล่าสุด กองทัพยืนยัน ฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้อย่างมั่นคง

ไทยเสีย ช่องอานม้า จริงหรือไม่ ?
เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force-สำรอง โพสต์ข้อความ อ้างมาจากคำพูดของผู้สื่อข่าวสายทหาร ระบุข้อความว่า พื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายไทยยึดพื้นที่ได้ในวันที่ 3 ของการยิงปะทะ แต่ถูกฝ่ายกัมพูชา ที่เสริมทั้งกำลังทหาร, รถถัง และโดรนพลีชีพจำนวนมาก ในวันสุดท้ายของการปะทะ ทำให้ทหารไทยจำเป็นต้องล่าถอยออกมา จึงเป็นเหตุให้กองทัพกัมพูชา สามารถพาทูตทหาร และสื่อต่างชาติ มาดูพื้นที่ความเสียหาย บริเวณอนุสาวรีย์ตาอม ที่ช่องอานม้าได้

กองทัพบกควบคุม ช่องอานม้า ได้ 
โดยช่วงเที่ยงวันนี้กองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว โดยพลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อธิบายว่า ก่อนเกิดเหตุการปะทะ กำลังทหารฝ่ายไทย ไม่เคยสามารถเข้าไปในพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอม ได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้ฝ่ายเดียวมาตลอด แต่ปัจจุบันหลังเจรจาหยุดยิง ฝ่ายไทยสามารถเข้าพื้นที่ได้

ส่วนกรณีที่กองทัพกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารจาก 13 ประเทศเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอม ซึ่งอยู่ตรงเส้นแบ่งเขต ไทย-กัมพูชา ยืนยันว่า ขณะนั้นมีทหารไทยได้ควบคุมพื้นที่อยู่ด้วย แต่เนื่องจากกองทัพทั้ง 2 ฝ่าย มีข้อตกลงร่วมกัน เป็นแนวปฏิบัติร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิ์บริเวณ ช่องอานม้า คือ 1.จัดกำลังฝ่ายละ 5 นาย โดยแต่ละฝ่ายส่งเจ้าหน้าที่ 5 นายเข้าไปในพื้นที่ร่วม พื้นที่ที่ต่างฝ่ายได้อ้างสิทธิ์ 2.เจ้าหน้าที่ทุกนาย ต้องไม่มีการพกพาอาวุธ 3.ลาดตระเวนร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย บริเวณรอบตาอม และพื้นที่ใกล้เคียง เป็นเวลา 15 นาทีต่อครั้ง 4.ไม่จำกัดช่วงเวลาในการเข้า-ออกพื้นที่

ยืนยันไทยสามารถสถาปนาพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น ยืนยัน ปัจจุบันกองทัพไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น และหลายพื้นที่สามารถผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่รุกล้ำอธิปไตยไทยได้สมบูรณ์ รวมถึงเข้ายึดพื้นที่ในแนวจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญได้หลายจุด โดยเมื่อยึดพื้นที่ได้แล้ว ฝ่ายไทยได้จัดกำลังตรึงพื้นที่ เฉพาะในเขตที่มั่นใจว่า เป็นดินแดนของไทย

กัมพูชา บิดเบือนไม่เลิก
ส่วนสงครามข่าวสาร อย่าง ข่าวปลอม ก็ยังถูกปล่อยออกมาจากฝั่งประเทศกัมพูชาไม่เลิก ล่าสุด มีการโพสต์ภาพนายทหารกัมพูชา รายหนึ่งเสียชีวิต พร้อมระบุสาเหตุว่า เกิดจากการถูกสารพิษที่กองทัพไทยปล่อยโดยเครื่องบิน ซึ่งทางเพจเฟซบุ๊กกองทัพบก ก็ได้ออกมายืนยันว่า เป็นข่าวปลอม อย่าหลงเชื่อ

เช่นเดียวกับ เมื่อวานนี้ ที่กองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งคืนทหารกัมพูชา 2 นาย จาก 20 นายกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากมี 1 นายได้รับบาดเจ็บ และอีก 1 นาย มีอาการทางจิตเวช แต่กัมพูชากลับปล่อยข่าวว่า ฝ่ายไทยลักพาตัว และทำร้ายร่างกาย กลุ่มทหารดังกล่าว และเตรียมยื่นฟ้องหัวหน้าสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน สหประชาชาติ โดยอ้างว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายสากล

เชิญผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ดูความเป็นอยู่
โดยโฆษกกองทัพบก ออกมาบอกว่า เป็นการบิดเบือนไม่เลิก และเพื่อพิสูจน์ความจริง กองทัพจะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะผู้แทนจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน สหประชาชาติ มาดูความเป็นอยู่ 18 ทหารกัมพูชา ที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งสามารถเข้ามาตรวจสอบความเป็นอยู่ได้ ยืนยันไทยดำเนินการทุกอย่างภายใต้กติกาสากล

ขณะที่ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ออกคำสั่งให้กองทัพ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 1 ถึง 4 ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน ซึ่งหากพบว่ามีการใช้อาวุธก่อน หรือพบพฤติการณ์เป็นภัยคุกคามร้ายแรง กองทัพสามารถใช้อาวุธประจำกาย หรืออาวุธประจำหน่วยเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามได้ทันที

ทอ.เตรียมบรรจุ AT-6  ลาดตระเวนชายแดน 7 ส.ค.นี้
และล่าสุดมีรายงานว่า ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ กองทัพอากาศ เตรียมทำพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบา แบบ AT-6 จากสหรัฐฯ เข้าประจำการพื้นที่ชายแดนทั้งหมด 8 เครื่อง เพื่อใช้ในภารกิจการโจมตีทางอากาศ ตลอดจนการบินลาดตระเวนตรวจการในพื้นที่ชายแดน

ขอบคุณภาพจาก : Facebook Army Military Force-สำรอง