วันนี้ (5 ส.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง ได้มีการโพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิดภายในร้านขายของชำแห่งหนึ่ง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งถูกคนร้ายเป็นชายปกปิดใบหน้าเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สิน และแอบกินขนม และน้ำในร้าน พร้อมระบุข้อความว่า “เตือนภัย!! 4/ส.ค./68 10:30 โจรระบาดช่วงอพยพ บ้านเสียหาย รถเสียหาย แล้วยังมาโดนแบบนี้อีก”
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง น.ส.สุวนันท์ อายุ 20 ปี ลูกสาวเจ้าของร้านที่เกิดเหตุ ก่อนเจ้าตัวเปิดเผยว่า ตนและครอบครัวได้รับผลกระบจากการสู้รบไทย-กัมพูชา บ้านได้รับความเสียหายจากจรวด BM-21 ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 68 จนถึงปัจจุบัน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันที่ 4 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองดูแลคุณพ่อซึ่งพิการอยู่ศูนย์พักพิงใน อ.เดชอุดม กล้องวงจรปิดที่ร้านขายของชำได้มีการส่งข้อความแจ้งเตือน ว่ามีความเคลื่อนไหวภายในร้านตน จึงได้เปิดดู พบคนร้ายเป็นชายไม่ทราบว่าเป็นใคร ปกปิดใบหน้าแอบเข้ามาในร้าน พร้อมทั้งรื้อค้นทรัพย์สิน และแอบกินของภายในร้าน รวมทั้งนำเงินเหรียญที่เหลือในเคาน์เตอร์ออกไป ตนได้โทรแจ้งไปที่ผู้ใหญ่บ้าน นำกำลังเข้าไปตรวจสอบแต่ไม่ทันคนร้ายได้หลบหนีออกไปก่อนที่ผู้ใหญ่บ้านจะมาถึง
น.ส.สุวนันท์ บอกด้วยว่า จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด คิดว่าคงไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไปมาก แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่ จึงไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี อีกทั้งยังอยู่ที่ศูนย์พักพิง จึงได้เอามาโพสต์ลงในกลุ่มหมู่บ้าน และมีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียดังกล่าว ซึ่งตนรู้สึกโกรธที่มาซ้ำเติมกันแบบนี้ เพราะต่างคนก็เป็นผู้ประสบภัยด้วยกัน ไม่น่าจะมาทำกันแบบนี้ หากคนร้ายได้ดูข่าว อยากจะบอกว่าว่าอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก เพราะทุกคนก็เดือดร้อนเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน ถึงเจ้าของบ้านไม่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องเข้าทำการสืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะเป็นลักทรัพย์ในเหตุฉกรรจ์ คือ การลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ หรือเงื่อนไขพิเศษ ซึ่งกฎหมายมองว่าเป็นการกระทำที่รุนแรง หรือมีลักษณะอันตรายมากกว่าการลักทรัพย์ธรรมดา ตามมาตรา 335