หลานสาวทักษิณพบตำรวจไซเบอร์ เอาผิดคนโพสต์ใส่ร้ายว่าเป็นไส้ศึกกัมพูชา

วันนี้ (5 ส.ค. 68) น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ ภายหลังถูกตัดต่อภาพและพิมพ์ข้อความประกอบภาพที่เป็นการใส่ร้ายด้วยข้อความที่เป็นเท็จ กล่าวหาเป็นไส้ศึกกัมพูชา ซึ่งเป็นการแก้ไขดัดแปลง และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีการโพสต์ในเฟซบุ๊ก และแอพลิเคชัน X จนมีการเผยแพร่แชร์ส่งต่อกันในโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลายต่อสาธารณะ นอกเหนือจากการกล่าวหา ที่เมื่อวานนี้ (4 ส.ค. 68) ได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ไว้แล้ว

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า จริง ๆ แล้ว ในสถานการณ์ขณะนี้ เป็นช่วงที่มีความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งไทยต้องต่อสู้กับข่าวปลอม และ IO จากฝ่ายกัมพูชามากพออยู่แล้ว แต่ก็ยังกลับมีผู้ใช้ข้อมูลเท็จในสถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 ประเทศ มาสร้างความขัดแย้งในประเทศต่ออีก ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควร และดีที่ น.ส.ชยิกา ได้เดินทางมาฟ้องร้อง เพื่อจะได้เตือนสติสังคม และเอาไปเวลาไปต่อสู้กับข้อมูลข่าวสารจากฝ่ายกัมพูชาดีกว่า

ด้าน น.ส.ชยิกา กล่าวว่า ส่วนตัวมีความตั้งใจในการทำหน้าที่ติดตามงานให้คำปรึกษารัฐมนตรีฯ ตามที่ได้รับมอบหมายมาโดยตลอด แต่กลับถูกใส่ร้ายในหลายกรณี ซึ่งมีทั้งลักษณะหมิ่นประมาท และตัดต่อภาพ แก้ไขดัดแปลงนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อยากจะดำเนินคดีใดใด เพราะสิ้นเปลืองทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ที่ต้องมาฟ้อง เพราะภาพและข้อความถูกกระจายต่อในวงกว้าง รวมถึงมีการคอมเม้นท์ แชร์ ส่งต่อในไลน์กลุ่มด้วย โดยหลังจากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น ได้ทราบถึงตัวผู้กระทำผิดแล้ว และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

น.ส.ชยิกา ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงสถานการณ์นี้ คนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด หากช่วยกันทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศได้ คนไทยทุกคนก็คือทีมไทยแลนด์ด้วยกัน และช่วงเวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะนำข้อมูลเท็จกล่าวร้ายมาโจมตีกันเอง เพื่อสร้างความแตกแยก จึงต้องขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดความเสียหาย