ข่าวภาคค่ำ - รัฐบาลอนุมัติเงินเยียวยา ให้ทหาร ตำรวจ และประชาชน ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ชณะเดียวกันยังอนุมัติงบประมาณ จัดซื้อยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมด้วย
วันนี้คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินเยียวยา ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งในส่วนของประชาชนและทหารเสียชีวิต
ในกรณีเสียชีวิตหรือทุพลภาพ ถ้าเป็น ทหาร/ตำรวจ จะได้คนละ 10 ล้านบาท ประชาชนได้คนละ 8 ล้านบาท
บาดเจ็บสาหัส ทหาร/ตำรวจ คนละ 1 ล้านบาท ประชาชน คนละ 800,000 บาท
บาดเจ็บมาก ทหาร/ตำรวจ ได้คนละ 500,000 บาท ส่วนประชาชนจะได้คนละ 400,000 บาท
ขณะเดียวกัน ยังมีมติอนุมัติโครงการจัดซื้อ เครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen หรือ เครื่องบินขับไล่กริพเพน รุ่น E และ F จากประเทศสวีเดน 1 ฝูงบิน ในระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง มูลค่า 19,500 ล้านบาท
ขณะที่ เพจกองทัพอากาศ โพสต์ข้อความ Saab JAS 39 Gripen E/F Ready for Take Off ครม.อนุมัติจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ทดแทนแบบ Saab JAS 39 Gripen ให้กองทัพอากาศเสริมความแข็งแกร่งเพื่อดำรงขีดความสามารถในการรักษาอธิปไตยเหนือน่านฟ้าสืบไป
และมีรายงานว่า พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เตรียมเดินทางไปลงนาม สัญญาการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนฝูงใหม่ จำนวน 4 ลำ ในห้วงวันที่ 23-27 สิงหาคมนี้
นอกจากนี้ที่ประชุม ครม. ยังมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนตัวเครื่องยนต์เรือดำน้ำ จาก MTU 396 ที่ผลิตในเยอรมนี เป็น CHD620 ที่ผลิตในจีน เพื่อใส่ในเรือดำน้ำ S26T ที่รัฐบาลไทยลงนามสัญญาซื้อขายกับสาธารณรัฐประชาชนจีน แบบจีทูจี พร้อมแก้ไขขยายเวลาต่อเรือไปอีก 1,217 วัน
โดยรัฐบาลได้ลงนามในสัญญากับรัฐบาลจีน ให้ต่อเรือดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2560 แต่ก่อนหน้านี้ติดปัญหาที่ทางจีนไม่สามารถหาเครื่องยนต์ MTU 396 ที่ผลิตในเยอรมนีได้ ทำให้การต่อเรือต้องหยุดชะงักไปในปี 2564 โดยปัจจุบันดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 64% จ่ายเงินไปแล้ว 10 งวด จากทั้งหมด 18 งวด วงเงินรวม 7,700 ล้านบาท และยังคงค้างจ่ายอีก 40% วงเงิน 5,500 ล้านบาท
ส่วนการประชุมภายใต้กรอบ GBC วันที่ 2 ยังคงเป็นการหารือในระดับเลขานุการ คณะกรรมการ GBC โดยฝ่ายไทย ได้เสนอประเด็นสำคัญในร่างเอกสารสนับสนุนการปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิงให้ฝ่ายกัมพูชาพิจารณา โดยมีบางประเด็นที่สองฝ่ายสามารถเจรจาบรรลุผลในเบื้องต้นกันได้แล้ว บางส่วนยังต้องปรับปรุงเพิ่มเติมอีก ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ GBC ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้
โดย พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้าประชุมผ่านระบบออนไลน์ด้วย ย้ำให้ยึดกฎหมายไทย กฎหมายระหว่างประเทศ ผลประโยชน์ของชาติ และศักดิ์ศรีของประเทศเป็นหลัก
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ จะประชุมกับเอกอัคราชทูตทั่วโลก เพื่อมอบภารกิจเดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง ตอบโต้สงครามข่าวสารจากกัมพูชา โดยมุ่งเน้นตอบโต้ทุกระดับ ทุกเวที ทุกด้าน เพื่อแสดงให้นานาชาติเห็นว่า ไทยต้องการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และจริงใจ ภายใต้กรอบทวิภาคี และกฎหมายระหว่างประเทศที่มีอยู่
นายมาริษ เปิดเผยด้วยว่า ได้หารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซีย ประเด็นหนึ่งที่ยกขึ้นมาคุยคือ กัมพูชากำลังใช้สงครามข่าวปลอม โจมตีไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎบัตรสหประชาชน และ ข้อตกลงต่าง ๆ จึงขอให้มาเลเซียในฐานะผู้นอาเซียน ตักเตือนการกระทำดังกล่าวของกัมพูชา เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในประชาคมโลก
สำหรับผู้ที่เสียชีวิต 2 คน ที่เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ทางสำนักงานประกันสังคม มอบเงินเยียวยาให้กับ นางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง ผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยมอบค่าทำศพ 50,000 บาท เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต 70% ของค่าจ้าง เป็นเวลา 10 ปี และเงินบำเหน็จชราภาพพร้อมดอกผล รวมเป็นเงิน 807,848 บาท
และมอบให้ นางสาวรุ่งรัศ ประชัน ซึ่งเคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพพร้อมดอกผล รวมเป็นเงิน 82,517 บาท 37 สตางค์
และล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ทหารกัมพูชาได้ลักลอบเข้ามารื้อลวดหนามหีบเพลงที่ทหารไทยวางไว้ในบริเวณตลาดช่องอานม้า หลังเครื่องจักรหนักของฝ่ายไทยได้หยุดทำงานเมื่อช่วงบ่าย (5 ส.ค.) โดยทางฝั่งกัมพูชา อ้างว่า ยังเป็นดินแดนของกัมพูชา
แต่กำลังทหารพรานของไทย ได้สั่งให้ยุติการกระทำ และให้ทหารกัมพูชาถอยออกจากพื้นที่ดังกล่าว โดยทหารกัมพูชาปฏิบัติตามและถอนกำลังออกไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารพรานไทย ได้เข้าไปกางลวดหนามหีบเพลงให้กลับคืนสู่สภาพเดิม และฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการ
ขอบคุณภาพจาก : Facebook Army Military Force