เรียกร้อง “แบงก์ชาติ” ผ่อนคลายนโยบายการเงิน แทรกแซงค่าเงินบาท  ช่วยคนไทยสู้ “ภาษีทรัมป์”

เรียกร้อง “แบงก์ชาติ” ผ่อนคลายนโยบายการเงิน แทรกแซงค่าเงินบาท ช่วยคนไทยสู้ “ภาษีทรัมป์”

View icon 719
วันที่ 6 ส.ค. 2568 | 08.48 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“วรวงศ์ รามางกูร” เตือน “แบงก์ชาติ” อย่าลอยตัวเหนือปัญหา เร่งผ่อนคลายนโยบายการเงิน แทรกแซงค่าเงินบาท ช่วยคนไทย สู้ภาษีทรัมป์

วันนี้ (6ส.ค.68) นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. Reciprocal Tariff ที่มีต่อไทย ซึ่งทำเนียบขาวประกาศอัตราภาษี 19% เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (7ส.ค.)

นายวรวงศ์ กล่าวว่า  คนไทยได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีศุลกากรครั้งนี้เป็นจำนวนมาก และเป็นวงกว้างครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้งภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ มีสัดส่วนถึง 18% ของการส่งออกทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านบาท

รัฐบาลได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือ เช่น เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft loans) งบประมาณสนับสนุน SME และเกษตรกร รวมถึงการช่วยผู้ประกอบการขยายตลาดใหม่ เป็นต้น ซึ่งสามารถเยียวยาผลกระทบได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

ตามทฤษฎีแล้ว เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ที่สามารถช่วยเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ที่เหมาะสม คือ การแทรกแซงค่าเงิน (Exchange rate intervention) โดยนำเงินบาทซื้อดอลลาร์สหรัฐเพื่อให้ค่าเงินอ่อนค่าลง จุดประสงค์คือการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ป้องกันความผันผวนระยะสั้น พยุง GDP ให้สามารถเติบโตได้ตามเดิม

ทั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อเอื้อการส่งออกโดยตรง จึงไม่ผิดกติการะหว่างประเทศ นอกจากนั้นการลดค่าเงินยังช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจอื่น ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ปัญหาค่าแรงต่ำ หนี้ภาคครัวเรือนสูง

และ วันที่ 7 ส.ค.นี้ ภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา อัตราใหม่ 19% จะมีผลบังคับใช้เป็นวันแรก แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีสัญญาณจากผู้บริหารระดับสูงของธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ / ธปท.) ว่าจะมีมาตรการใดช่วยผู้ส่งออกเลย

จึงขอทวงคำสัญญา “พร้อมขับเคลื่อน ธปท. เชิงรุก เปิดใจชูจุดยืนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย” โปรดอย่าลอยตัวเหนือปัญหา เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้กำหนดนโยบายการเงิน มีหน้าที่สำคัญในการลดผลกระทบผู้ประกอบการ และลดทอนความเสียหายต่อประชาชน ธปท. จึงควรพิจารณามาตรการเชิงรุกเพื่อรักษาเสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง