ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ พ.ต.ต.ปิยะวัตร ปราบเสร็จ สารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.5 บก.ป.) พร้อมด้วยกำลังตำรวจ กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นางวราพรรณ อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง ที่ จ.150/2567 ลงวันที่ 26 ก.ย. 67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น หรือยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” โดยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับปฏิทิน ตร. พ.ศ.2568 ลำดับ 67 ซึ่งสามารถจับกุมได้บริเวณหน้าอาคารบ้านพัก หมูที่ 1 ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 67 ในขณะที่ นางเกียรติ อายุ 72 ปี ผู้เสียหาย ชาว จ.บุรีรัมย์ นั่งรอรถโดยสารประจำทางอยู่ที่ริมถนนสายนางรอง-บุรีรัมย์ กลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้หญิง จำนวน 2 คน คือ นางสมพร และ นางวราพรรณ ได้ขับรถยนต์เก๋งมาจอด และได้สอบถามเส้นทางกับผู้เสียหาย จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสองได้ชักชวนให้ผู้เสียหายนั่งโดยสารรถยนต์ไปด้วยกัน โดยอาสาที่จะพาผู้เสียหายไปทำธุระในตัวเมืองบุรีรัมย์ ระหว่างเดินทางผู้ต้องหาก็ได้พูดจาตีสนิท โดยขากลับผู้ต้องหาออกอุบายขับรถพาผู้เสียหายออกนอกเส้นทางไป จากนั้นจึงได้ใช้กำลังประทุษร้ายโดยทำร้ายร่างกาย และใช้อาวุธปืนจี้ผู้เสียหาย แล้วดึงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท จำนวน 1 เส้น, จี้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท จำนวน 1 อัน, แหวนทองคำ น้ำหนัก 1 สลึง จำนวน 1 วง, เงินสดจำนวน 12,000 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง รวมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 300,000 บาท จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้เชือกมัดมือผู้เสียหายเอาไว้
จากนั้นขับรถพาผู้เสียหายไปถึงบริเวณสระน้ำสาธารณะ ต.ก้านเหลือง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ กลุ่มผู้ต้องหาได้ถีบผู้เสียหายลงจากรถยนต์ตกลงบริเวณข้างสระน้ำดังกล่าว แล้วผู้ต้องหาทั้งสองก็ได้ขับรถยนต์หลบหนีออกไป ต่อมาหลังจากเกิดเหตุได้มีพลเมืองดีเข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย กระทั่งผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.นางรอง ให้ทำการสอบสวนและนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และทราบตัวกลุ่มผู้ต้องหาว่าเป็นนางสมพร และนางวราพรรณ ได้ร่วมก่อเหตุด้วยกัน จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนางรอง เพื่อออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา ศาลได้อนุมัติหมายจับนางวราพรรณ และ นางสมพร ผู้ต้องหาอีกรายไว้ ก่อนที่ต่อมาจะมีการออกประกาศสืบจับไว้ เพื่อติดตามจับตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ภายหลังนางสมพร หนึ่งในผู้ต้องหาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว ดำเนินคดีตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ส่วนนางวราพรรณ ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีมติเป็นประกาศสืบจับ ตร.ประจำปี 2568 (ผู้ต้องหาตามหมายจับปฏิทิน ตร. ลำดับ 67) ด้วยเป็นการก่อเหตุอุกฉกรรจ์ ให้เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
กระทั่งตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนจนทราบว่านางวราพรรณได้หลบหนีมาอยู่บริเวณรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จึงร่วมกันวางแผนเพื่อเข้าทำการจับกุมตัว และจับกุมตัวได้ที่บริเวณภายในรีสอร์ตดังกล่าว ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นางรอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจากการตรวจสอบประวัติการถูกดำเนินคดีของนางวราพรรณ พบว่าเมื่อปี 2566 มีประวัติร่วมก่อเหตุแก๊งต้มตุ๋น ปลอมเป็นพระหลอกชาวบ้านทำพิธีให้เลขเด็ด เก็บค่ายกครูหลักหมื่น ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ มาก่อน อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา