นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมด้วย เลขาธิการ กปร. และคณะ รับฟังสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำ ณ ประชุมพระครูวิมลคุณากร อาคารศูนย์เรียนรู้และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สำนักงานชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท จากการคาดการณ์โดยกรมชลประทาน พบว่ามีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ที่บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน
จากนั้น ไปติดตามการระบายน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณประตูเรือ โดยเขื่อนเจ้าพระยา เป็นโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ริเริ่มมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วเสร็จในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สามารถส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 7.5 ล้านไร่ ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้กว่า 62 ล้านหน่วยต่อปี ส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรมในจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ ช่วยควบคุมปริมาณน้ำเสียและน้ำเค็ม รักษาระดับน้ำให้เหมาะสมกับการเดินเรือ ควบคุมและป้องกันอุทกภัยในแม่น้ำเจ้าพระยา
ช่วงบ่าย ไปรับฟังสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และการดำเนินงานโครงการคลองระบายน้ำบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมเยี่ยมชมบริเวณพื้นที่โดยรอบ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านบริเวณตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา มีลักษณะแคบ เป็นคอขวด ระบายน้ำได้เพียง 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และบริเวณเกาะเมืองอยุธยายังเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเป็นประจำ จึงประสบปัญหาอุทกภัยซ้ำซาก กรมชลประทานจึงได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น