สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - อีกไม่เกิน 7 วัน คาดว่า "หมอบี" จะไปแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด ที่มาที่ไปของการเปิดรับบริจาค และเรื่องยอดเงินที่ไม่ตรงกัน
รอฟังจากปาก "มอบี ใน 7 วัน
จริง ๆ ก่อนหน้านี้ "หมอบี" ก็ตอบคำถามสังคมไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ยืนยันว่า ไม่มี ๆ 70 : 30 หรือ 50 : 50 ที่มีการเอาไปพูดกันว่า เงินบริจาคนี่ต้องแบ่งกันแบบวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง
แต่เพราะบางคำตอบ ชวนให้ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก ว่า "ดำริของหลวงพ่อ" ที่อ้างถึงนี่คือยังไง เรื่องเปิดบัญชีที่ใช้ชื่อตัวเองพ่วงท้าย หรือเรื่องที่ถวายเงินสด นี่ก็เป็น "ดำริของหลวงพ่อ" ด้วยหรือไม่
เรื่องนี้ หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ก็บอกไปแล้วว่า ไม่มีดำริอะไร นอกเหนือไปจากเรื่องที่คุยกันว่า อยากมีโครงการอะไร เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนบ้าง
แต่เรื่องที่ยังไม่เคลียร์ คือ การถวายเงินบริจาค เมื่อวานผู้สื่อข่าวก็เลยไปสอบถามกับ หลวงพ่อฯ เพิ่มเติม ก็ได้คำอธิบายเพิ่มมาว่า เอกสารที่หมอบีเคยนำมาให้เซ็น จะมีอยู่ 2 ประเภท คือเอกสารการรับเงิน ที่ได้จากการเปิดรับบริจาค และเอกสารโครงการบุญต่าง ๆ
ตอนที่เซ็น ยอมรับว่า ไม่ได้อ่านอย่างละเอียด เพราะไว้ใจ "หมอบี" เลยไม่รู้ว่าเอกสารโครงการฯ มีอะไรสอดแทรกหรือไม่ แต่เชื่อว่าภายใน 7 วัน "หมอบี" จะออกมาแถลงชี้แจงเรื่องนี้เอง ถึงตอนนั้นก็น่าจะเคลียร์เรื่องต่าง ๆ ได้
เรื่องที่ดิน ยอมรับว่ามีบางแปลงที่ไม่ได้ใช้ชื่อวัดในการซื้อ แต่เป็นชื่อของอดีตไวยาวัจกร ที่ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว รวมถึงอีกคนที่เป็นผู้ดูแลมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้า
ส่วนประเด็นดรามาเรื่องที่วัดฯ ไม่รับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV อีกแล้ว นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา ยอมรับว่า เรื่องนี้ตัวเองก็รู้สึกผิดปกติ แต่ก็น่าจะจบปัญหานี้ได้ไม่ยาก หากทางวัดออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสังคม เช่น การเปิดเผยข้อมูลตัวเลขผู้ป่วยปัจจุบันที่อยู่ในการดูแล หรือสถานะทางการเงินว่า จริง ๆ แล้ว มีปัญหาอะไร
ยังมีข่าวลืออีกว่า คนใกล้ชิด "หลวงพ่ออลงกต" ร่ำรวยผิดหูผิดตา สรุปแล้วหมายถึง "เลขาปู" ที่ข่าวว่าเป็นหลานของหลวงพ่อ
เจ้าตัวเอง ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่เข้ามาทำงานเป็นจิตอาสา จนทุกวันนี้ขยับขึ้นมาเป็นคณะกรรมการวัด มีรายได้ค่าตอบแทนหลักหมื่นบาท และมีอาชีพเสริมที่ทำควบคู่ไปด้วย และยังมีจิตอาสาคนอื่น ๆ ที่ทำงานให้กับทางวัด และไม่มีค่าตอบแทนให้ แต่สามารถเบิกค่าอาหาร ค่าเดินทางได้ ซึ่งก็มีช่องทางที่ถูกต้องอยู่
ทนายเกิดผล ไปลงบันทึกประจำวัน
ทนายเกิดผล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว พูดในฐานะลูกศิษย์ว่า อยากขอให้ลูกศิษย์คนอื่น ๆ ตั้งสติ พิจารณาตามเหตุและผลว่า การปฏิบัติของหลวงพ่อกว่า 30 ปี ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ส่วนเพจฯ และอวตาร ที่สร้างขึ้นมาเพื่อปล่อยข่าวปลอม เร็ว ๆ นี้ จะมีการดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน
