คาดกัมพูชาสูญเสียทหาร 3,000 นาย

View icon 230
วันที่ 11 ส.ค. 2568 | 07.09 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำ ปราสาทตาควายของไทย ต้องยึดคืนให้ได้ พร้อมชี้เหตุปะทะชายแดน กัมพูชาสูญเสียทหารกว่า 3,000 นาย

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วงปะทะ 4 วัน ว่า ฝ่ายกัมพูชาน่าจะสูญเสียทหารไม่ต่ำกว่า 3,000 นาย เพราะใช้กำลังในปฏิบัติการจำนวนมาก เช่น พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ตอนสู้รบกันทหารกัมพูชาพยายามเข้าไปยึด โดยใช้กำลังเป็นพัน แต่สุดท้ายฝ่ายไทยรักษาไว้ได้

ส่วน ปราสาทตาควาย เป็นปราสาทเดียวที่เรายังเข้ายึดไม่ได้ เพราะมีฐานทหารกัมพูชาอยู่ติดกับปราสาทซึ่งได้เปรียบ ประกอบกับมีทุ่นระเบิดวางไว้โดยรอบอย่างหนาแน่น โดยขณะนี้ ไทยยังคงตรึงกำลังห่างจากปราสาทตาควาย 30 เมตร และรอทั้ง 2 ฝ่าย พูดคุยกันในระดับรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ยืนยันปราสาทเป็นของเรา ต้องเอากลับมาให้ได้ ซึ่งตนอายุราชการเหลือ 51 วัน ขอทำหน้าที่แม่ทัพให้ดีที่สุด

แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงทหารไทย 3 นาย เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณรอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จากการตรวจสอบทุ่นระเบิดดังกล่าว พบเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่ทหารกัมพูชาติดตั้งไว้ระหว่างที่เข้ายึดพื้นที่ดังกล่าว และแม้ปัจจุบันทหารไทยจะยึดพื้นที่นี้คืนได้แล้วแต่ยังไม่ปลอดภัย เนื่องจากคาดว่ามีทุ่นระเบิดทั้งใหม่และเก่าติดตั้งจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตัก ในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิด เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ

แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงเรื่องโดรนบริเวณชายแดน และโดรนบริเวณพื้นที่ตอนใน ฝากให้รัฐสภาพิจารณาผลักดันเป็นยุทธศาสตร์ชาติ เพราะปัจจุบันมีการใช้โดรนเพิ่มขึ้นมาก และเรามีการจับกุมได้ทั้งคนไทย คนจีน และคนกัมพูชา ซึ่งมาในรูปแบบของฝ่ายตรงข้ามที่จะต้องวางสายข่าวไว้ ในการเข้ามาหาที่ตั้งของสนามบิน บ้านผู้นำทางทหาร คลังกระสุน คลังระเบิด

ทางฝ่ายเราได้แจ้งไปทางผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 20 จังหวัดในภาคอีสาน ร่วมกับตำรวจ จัดหาเครื่องมือแอนตีโดรน และค้นหาบุคคลที่บินโดรนให้ได้ ซึ่งหากจับกุมคนบินโดรนได้ ทางตำรวจต้องสอบสวนไปให้สุด อย่าเพิ่งปล่อยตัวและสรุปเร็วเกินไป เพราะเชื่อว่าคนที่บินโดรนใกล้กับสนามบิน และคลังอาวุธ ไม่น่าจะใช่คนธรรมดา ซึ่งพวกเราทุกฝ่ายต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะโดรนใช้หาข้อมูลพิกัดจุดยุทธศาสตร์สำคัญ และเขาก็จะสามารถตั้งพิกัดในขีปนาวุธได้ ฉะนั้นอย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว ในวันข้างหน้าเราอาจจะต้องมีบ้านใต้ดินไว้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง