สนามข่าว 7 สี - แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำ ปราสาทตาควายของไทย ต้องยึดคืนให้ได้ พร้อมชี้เหตุปะทะชายแดน กัมพูชาสูญเสียทหารกว่า 3,000 นาย
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วงปะทะ 4 วัน ว่า ฝ่ายกัมพูชาน่าจะสูญเสียทหารไม่ต่ำกว่า 3,000 นาย เพราะใช้กำลังในปฏิบัติการจำนวนมาก เช่น พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ตอนสู้รบกันทหารกัมพูชาพยายามเข้าไปยึด โดยใช้กำลังเป็นพัน แต่สุดท้ายฝ่ายไทยรักษาไว้ได้
ส่วน ปราสาทตาควาย เป็นปราสาทเดียวที่เรายังเข้ายึดไม่ได้ เพราะมีฐานทหารกัมพูชาอยู่ติดกับปราสาทซึ่งได้เปรียบ ประกอบกับมีทุ่นระเบิดวางไว้โดยรอบอย่างหนาแน่น โดยขณะนี้ ไทยยังคงตรึงกำลังห่างจากปราสาทตาควาย 30 เมตร และรอทั้ง 2 ฝ่าย พูดคุยกันในระดับรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ยืนยันปราสาทเป็นของเรา ต้องเอากลับมาให้ได้ ซึ่งตนอายุราชการเหลือ 51 วัน ขอทำหน้าที่แม่ทัพให้ดีที่สุด
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงทหารไทย 3 นาย เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณรอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จากการตรวจสอบทุ่นระเบิดดังกล่าว พบเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่ทหารกัมพูชาติดตั้งไว้ระหว่างที่เข้ายึดพื้นที่ดังกล่าว และแม้ปัจจุบันทหารไทยจะยึดพื้นที่นี้คืนได้แล้วแต่ยังไม่ปลอดภัย เนื่องจากคาดว่ามีทุ่นระเบิดทั้งใหม่และเก่าติดตั้งจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตัก ในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิด เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงเรื่องโดรนบริเวณชายแดน และโดรนบริเวณพื้นที่ตอนใน ฝากให้รัฐสภาพิจารณาผลักดันเป็นยุทธศาสตร์ชาติ เพราะปัจจุบันมีการใช้โดรนเพิ่มขึ้นมาก และเรามีการจับกุมได้ทั้งคนไทย คนจีน และคนกัมพูชา ซึ่งมาในรูปแบบของฝ่ายตรงข้ามที่จะต้องวางสายข่าวไว้ ในการเข้ามาหาที่ตั้งของสนามบิน บ้านผู้นำทางทหาร คลังกระสุน คลังระเบิด
ทางฝ่ายเราได้แจ้งไปทางผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 20 จังหวัดในภาคอีสาน ร่วมกับตำรวจ จัดหาเครื่องมือแอนตีโดรน และค้นหาบุคคลที่บินโดรนให้ได้ ซึ่งหากจับกุมคนบินโดรนได้ ทางตำรวจต้องสอบสวนไปให้สุด อย่าเพิ่งปล่อยตัวและสรุปเร็วเกินไป เพราะเชื่อว่าคนที่บินโดรนใกล้กับสนามบิน และคลังอาวุธ ไม่น่าจะใช่คนธรรมดา ซึ่งพวกเราทุกฝ่ายต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะโดรนใช้หาข้อมูลพิกัดจุดยุทธศาสตร์สำคัญ และเขาก็จะสามารถตั้งพิกัดในขีปนาวุธได้ ฉะนั้นอย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว ในวันข้างหน้าเราอาจจะต้องมีบ้านใต้ดินไว้