ห้องข่าวภาคเที่ยง - ในสื่อโซเชียลฯ มีการเผยแพร่คลิปทหารกัมพูชา ใช้พื้นที่ภายในโบราณสถาน เป็นฐานการสู้รบ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย เข้าข่ายการใช้โบราณสถาน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นโล่กำบัง
กรณีที่ทหารกัมพูชา ยึดครองพื้นที่ปราสาทตาควายเอาไว้ โดยมีคลิปเผยแพร่ว่า ระหว่างที่มีการสู้รบกับทหารไทย ทหารกัมพูชาได้ใช้พื้นที่ในตัวปราสาท เป็นฐานการรบ มีการนำกระสอบทราย ฐานยิงปืนกล และวางกำลังทหารอยู่ภายใน
ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย และอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ อาทิ อนุสัญญากรุงเฮก ปี 1954 บัญญัติไว้มีจุดประสงค์เพื่อคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมในยามสงคราม โดยห้ามไม่ให้มีการโจมตี หรือใช้ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร นอกจากนี้ ยังกำหนดให้คู่ขัดแย้งต้องป้องกันการโจรกรรม ปล้นสะดม หรือป้องกันการก่อกวนในสถานที่ดังกล่าว ด้วย
การที่มีกำลังทหาร เข้าไปใช้พื้นที่ภายในโบราณสถาน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ในลักษณะเป็น "โล่กำบัง" ป้องการการถูกโจมตี หรือ ใช้โจมตีคู่ขัดแย้ง ยังสามารถเทียบเคียงกับการใช้พื้นที่พลเรือน เป็น "โล่มนุษย์" หรือ "Human Shields" ซึ่งอาจจะถือว่าเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมสงครามได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าว เสี่ยงที่โบราณสถานจะเกิดความเสียหาย หรือถูกทำลาย นับเป็นการทำลาย "ความทรงจำและวัฒนธรรมของมนุษยชาติ"
ผู้ที่ละเมิด จะถูกประณามจากองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ UNESCO และจากประชาคมโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศนั้น ๆ
ส่วนผู้ที่สั่งการ หรือ มีส่วนร่วมในการทำลายมรดกทางวัฒนธรรม ก็อาจถูกนำตัวขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)
ประเด็นเรื่องปราสาทตาควาย หลังจากที่พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 บอกว่า จะใช้เวลาก่อนที่จะเกษียณอายุ หาทางยึดเอาคืนให้ได้ เนื่องจากเป็นอธิปไตยของไทย จนทำให้ทางการกัมพูชา ออกมาตีโพยตีพาย ฟ้องนานาชาติ ว่าไทยจะมีการเคลื่อนกำลังทหาร ใช้กำลังทหารเข้าไปยึดคืน เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง GBC ที่มาเลเซีย จนไทยต้องออกมาชี้แจงว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน จะเห็นได้ว่า พอสิ่งใดที่กัมพูชาจะได้ประโยชน์ ก็จะยึดถือกฎหมาย ข้อตกลง นำมากล่าวอ้าง แต่เรื่องที่ตนเองละเมิด ก็เลือกที่จะนิ่งเฉย