ล้อมรั้วลวดหนาม ช่องทางธรรมชาติ

View icon 105
วันที่ 13 ส.ค. 2568 | 11.24 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ฝ่ายความมั่นคง เร่งติดตั้งรั้วลวดหนามหีบเพลง ตามช่องทางธรรมชาติชายแดนด้านภาคตะวันออก สกัดกั้นการรุกล้ำอธิปไตย ขณะที่ชาวกัมพูชายังลักลอบข้ามแดนต่อเนื่อง

หลังการติดตั้งรั้วลวดหนามหีบเพลง บริเวณจุดผ่านแดนบ้านหนองจาน ตำบลหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ทำให้ชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านตรงข้าม ซึ่งเคยใช้พื้นที่บ้านหนองจานทำกินและพักอาศัย แสดงความไม่พอใจ พร้อมพยายามเจรจาขอให้รื้อถอนรั้วลวดหนามออก

ชาวบ้านและผู้ค้าชายแดนต่างจับตามองว่าความขัดแย้งนี้จะได้รับการคลี่คลายอย่างไร เนื่องจากพื้นที่จุดผ่านแดนบ้านหนองจาน ถือเป็นพื้นที่อ่อนไหว เนื่องจากอยู่ใกล้เขตแดนเพียงไม่กี่กิโลเมตร และมีประวัติการรุกล้ำและการลักลอบข้ามแดนบ่อยครั้ง

เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ยืนยันว่า การติดตั้งรั้วลวดหนามเพื่อป้องกันการรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศชะลอตัว ส่งผลให้แรงงานลักลอบข้ามแดนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เพื่อหางานทำในไทยอย่างต่อเนื่อง

เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพา ลาดตระเวนบริเวณแนวชายแดนบ้านเนินสมบูรณ์ ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ พบกลุ่มคนกำลังเดินเท้าฝ่าความมืดริมแนวชายแดน จึงควบคุมตัวไว้ เป็นชายชาวกัมพูชา ทำหน้าที่เป็นคนนำพา และชาวเมียนมา ชาย-หญิง อีก 5 คน ทั้งหมดไม่มีเอกสารเข้าเมืองอย่างถูกต้อง สอบสวนชาวเมียนมาให้ข้อมูลตรงกันว่าถูกชักชวนไปทำงานในกัมพูชาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทำได้ไม่นานก็ไม่มีงานทำ และขาดรายได้ จึงว่าจ้างให้นำพาผ่านทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อกลับประเทศ

เมื่อคืนที่ผ่านมา ทหารพรานนาวิกโยธิน ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 2 ได้เข้าจับแรงงานประเทศเพื่อนบ้านชาวกัมพูชา จำนวน 50 คน ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่บ้านคลองบอน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี หลังลักลอบเดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อเข้าประเทศไทยตามแนวชายแดน สอบปากคำเบื้องต้น ทราบว่า ชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศกัมพูชาก่อนหน้านี้ กลับไปไม่มีงานรองรับ ไม่มีรายได้ จึงต้องลักลอบข้ามแดนกลับเข้าไทยอีกครั้งเพื่อมาทำงาน

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำประวัติชาย-หญิงชาวกัมพูชา เพื่อหาข้อมูลป้องกันการแฝงตัวเข้ามาเก็บข้อมูลหรืออาจเป็นสายลับของทางกัมพูชา โดยได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ และสอบถามข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดแล้ว ยังไม่พบผู้ต้องสงสัยที่อาจเป็นสายลับแต่อย่างใด จึงให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองรับดำเนินการ ส่งศาลดำเนินคดีตามขั้นตอน และผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

ส่วนเช้านี้ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน ยังคงมีจำนวนชาวกัมพูชาหลายคนเดินทางมาเพื่อรอกลับบ้าน แต่จำนวนที่มองเห็นวันนี้เหลือเพียงแค่หลักร้อย ไม่ถึง 1,000 คน เนื่องจากว่าชาวกัมพูชาส่วนใหญ่เดินทางไปก่อนหน้านี้เกือบหมดแล้ว ขณะที่ความตึงเครียดชายแดนเริ่มดีขึ้น จึงทำให้ชาวกัมพูชาที่ยังคงหลงเหลืออาจเปลี่ยนใจยังคงใช้ชีวิตทำงานในไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง