สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2568

สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2568

View icon 241
วันที่ 13 ส.ค. 2568 | 20.06 น.
ข่าวต่างประเทศ
แชร์
Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2568

1. กลาโหมกัมพูชาโต้ ข้อกล่าวหาของไทยเกี่ยวกับทหารเหยียบทุ่นระเบิด "ไม่มีมูลความจริง"

พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกมาโต้กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บ เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) ในบริเวณใกล้ปราสาทตาเมือนธม ระบุว่า ข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยนั้นขาดหลักฐานที่ชัดเจนและไม่มีมูลความจริง โดยกัมพูชายังคงยืนหยัดอย่างหนักแน่นว่า กัมพูชาจะไม่ใช้หรือวางทุ่นระเบิดใหม่โดยเด็ดขาด ในฐานะที่กัมพูชาเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันไว้ในปี 2542 นอกจากนี้ กัมพูชาตั้งข้อสังเกตว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการและโปร่งใสเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

ขณะเดียวกัน กัมพูชาได้ย้ำเตือนประเทศไทยหลายครั้งแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีวัตถุระเบิดที่เป็นซากจากสงครามหลงเหลืออยู่ ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงควรงดด่วนสรุปต่อสาธารณะก่อนจะสืบหาความจริง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดและการเผชิญหน้า

กัมพูชาขอยืนยันอย่างหนักแน่นและชัดเจนถึงความมุ่งมั่นในการเคารพและปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 และกัมพูชาจะทำงานอย่างสร้างสรรค์และจริงใจในการร่วมมือกับไทย มาเลเซีย และชาติสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ รวมถึงภาคีที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎบัตรอาเซียน


2. "คิม คอน-ฮี" ภริยาของ "ยุน ซอก-ยอล" อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว หลังศาลออกหมายจับข้อหาทุจริต

คิม กอน ฮี (Kim Keon Hee) อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้ ถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว หลังจากช่วงค่ำวันวานนี้ (12 ส.ค.) ศาลออกหมายจับในข้อหาทุจริต ทำให้เธอต้องเข้าเรือนจำตามรอยสามี อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอก-ยอล ซึ่งถูกถอดถอนและดำเนินคดีจากการประกาศกฎอัยการศึก โดยศาลพิจารณาเห็นตามคำร้องของอัยการที่ขอให้ควบคุมตัวเธอไว้ เพราะเกรงจะมีการทำลายหลักฐานและใช้อิทธิพลแทรกแซงการสอบสวน แม้เธอยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

ทั้งนี้ คิม คอน-ฮี ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงหุ้น, รับสินบน และการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ โดยยังพบหลักฐานด้วยว่าเธอสวมจี้ราคา 60 ล้านวอน หรือกว่า 1.4 ล้านบาท ร่วมงานประชุมนาโตกับสามีโดยไม่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สิน และยังถูกกล่าวหาว่าได้รับกระเป๋าแบรนด์เนม 2 ใบ มูลค่า 20 ล้านวอน หรือกว่า 460,000 บาท และสร้อยคอเพชรจากบาทหลวง เพื่อแลกกับการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งเธออาจถูกลงโทษจำคุกหลายปีหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง

3. อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีลุ้นพ้นเรือนจำ

"นาจิบ ราซัก" อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ถูกจำคุกหลายปีในคดีอื้อฉาวกองทุน 1MDB มีลุ้นได้ออกจากเรือนจำ หลังศาลยอมรับว่ามีพระบรมราชโองการของอดีตสมเด็จพระราชาธิบดี เรื่องการให้เขารับโทษกักบริเวณที่บ้านพักจริง
นายนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างการรับโทษจำคุก 6 ปี ในหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินกองทุนเพื่อการพัฒนามาเลเซีย หรือ 1MDB ความเสียหายนับแสนล้านบาท มีลุ้นที่จะได้ออกจากเรือนจำไปใช้เวลารับโทษที่เหลืออยู่อีก 3 ปี ด้วยการถูกกักบริเวณในบ้านพัก หลังจากศาลรัฐบาลกลาง ซึ่งมีอำนาจสูงสุด ยอมรับว่ามีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการที่อดีตสมเด็จพระราชาธิบดี อัล สุลต่าน อับดุลเลาะห์ แห่งรัฐปะหัง ทรงมีพระบรมราชานุญาต ให้ นายนาจิบ ราซัก รับโทษที่เหลือด้วยการถูกกักบริเวณในบ้านพัก เมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งทรงลงพระปรมาภิไธยขณะครองราชย์

อย่างไรก็ตาม แม้ศาลจะยอมถึงรับการมีอยู่ของเอกสารดังกล่าว แต่ยังไม่ระบุได้ว่าเป็นเอกสารการพระราชทานอภัยโทษจริงหรือไม่ จึงได้ส่งเรื่องกลับไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีครั้งต่อไป ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้
ทั้งนี้ นายมูฮัมหมัด ชาฟี อับดุลเลาะห์ ทนายความของอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า ลูกความของเขาหวังว่าคดีจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามคำสั่ง เนื่องจากทันทีที่อดีตสมเด็จพระราชาธิบดีทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกา ไม่มีใครสามารถตั้งคำถามต่อการตัดสินใจของพระองค์ได้


4. พายุไต้ฝุ่น "โพดุล" เคลื่อนขึ้นฝั่งของไต้หวันแล้ว ขณะที่ทางการสั่งซัตดาวน์พื้นที่ฝั่งตะวันออกและทางตอนใต้ของเกาะ พร้อมเร่งอพยพประชาชน

พายุไต้ฝุ่น "โพดุล" (Podul) ซึ่งมีกระแสลมแรงกว่า 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งของไต้หวันแล้ว เมื่อเวลาราว 1 นาฬิกาที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น บริเวณเมืองไถตง (Taitung) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ ส่งผลให้พื้นที่บริเวณชายฝั่งมีคลื่นสูง ฝนตกหนัก และกระแสลมแรง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์เตือนประชาชนในเมืองไถตงแล้วว่า จะมีลมพายุไต้ฝุ่นพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง ขอให้ประชาชนหาที่หลบภัยโดยเร็วที่สุด และคาดว่าพายุลูกนี้จะทำให้มีฝนตกหนักเป็นปริมาณฝนมากถึง 600 มิลลิเมตร ในเขตพื้นที่ภูเขาในช่วง 2-3 วันนี้

ขณะเดียวกัน เมืองและเขตปกครอง 9 แห่ง ประกาศระงับการทำงานและการเรียนการสอนในวันนี้ รวมถึงเมืองใหญ่อย่างนครเกาสงและไถหนาน พร้อมสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 5,500 คน ส่วนที่กรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน ไม่มีผลกระทบใด ๆ นอกจากนี้ เที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมด 252 เที่ยวบิน ถูกยกเลิก ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศ 129 เที่ยวบิน ถูกยกเลิก

ทั้งนี้ หลังจากพายุลูกนี้พัดถล่มไต้หวัน คาดว่าจะเคลื่อนตัวต่อไปยังมณฑลฝูเจี้ยน ทางตอนใต้ของจีน ภายในสัปดาห์นี้


5. หลายชาติในยุโรปนอกจากกำลังเผชิญกับไฟป่าที่ลุกลามอย่างหนัก ยังต้องเจอกับคลื่นความร้อนสูง ทำให้หลายพื้นที่มีอุณภูมิพุ่งเกิน 40 องศาเซลเซียส ชาวเมืองต้องหาวิธีคลายร้อน

อุณหภูมิในเมืองบอร์โด (Bordeaux) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ร้อนจัดจนชาวเมืองท้องถิ่นบ่นว่า "หายใจแทบไม่ออก" ท่ามกลางคลื่นความร้อนที่กำลังแผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยที่เมืองบอร์โด วัดอุณหภูมิได้สูงถึง 41 องศาเซลเซียส ซึ่งทางการฝรั่งเศสออกประกาศเตือนคลื่นความร้อนระดับ "สีแดง" หรือระดับสูงสุด คาดว่าหลายพื้นที่ทั่วประเทศจะมีอุณภูมิพุ่งสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส

ส่วนที่กรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศ ในช่วงบ่ายวานนี้ (12 ส.ค.) มีอุณหภูมิสูงราว 35 องศาเซลเซียส ทำให้ประชาชนในท้องถิ่น รวมทั้งนักท่องเที่ยว พากันลงไปว่ายน้ำคลายร้อนในแม่น้ำแซน (Seine) โดยกรุงปารีสกลับมาเปิดให้ประชาชนว่ายน้ำในแม่น้ำแซนได้เป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และจุดว่ายน้ำที่ทางการกรุงปารีสจัดเตรียมไว้จะเปิดไปจนถึงปลายเดือนสิงหาคมนี้

ที่เยอรมนี ประชาชนในหลายเมือง อาทิ แฟรงก์เฟิร์ต, โคโลญ และกรุงเบอร์ลิน พากันออกจากบ้านมาหาวิธีคลายร้อน บางก็ลงไปว่ายน้ำในสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงเกิน 30 องศาเซลเซียส ซึ่งสำนักงานอุตุนิยมวิทยาเยอรมนีคาดว่าอุณหภูมิจะสูงต่อเนื่องไปอีกหลายวัน โดยที่กรุงเบอร์ลิน มีประชาชนพากันลงไปว่ายน้ำในแม่น้ำชเปร (Spree) ซึ่งบางคนก็แค่ไปว่ายน้ำคลายร้อน แต่บางส่วนก็ตั้งใจไปประท้วงต่อต้านคำสั่งห้ามว่ายน้ำที่มีอายุกว่า 100 ปี เพราะมลพิษในแม่น้ำดังกล่าว

และที่กรุงลอนดอน อากาศร้อนกลับมาปกคลุมเมืองหลวงของอังกฤษอีกครั้งในต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 30 องศาเซลเซียส หลังจากในช่วงหลายหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีอุณหภูมิอยู่ที่ราว 20 องศาเซลเซียส ทำให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวต่างหาร่มเงาพักคลายร้อน ขณะที่ สำนักงานอุตุนิยมอังกฤษคาดว่าสภาพอากาศจะยังคงร้อนตลอดทั้งสัปดาห์ โดยมีแดดเป็นช่วง ๆ และอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส

ขณะเดียวกัน จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในสเปน บางพื้นที่อุณภูมิสูงถึง 44 องศาเซลเซียส ทำให้ไฟป่าที่แคว้นกาลิเซีย (Galicia) ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เผาผลาญลุกลามกินพื้นที่แล้วเกือบ 22,000 ไร่ ส่วนที่เมืองซาโมรา แคว้นกัสติยาและเลออน (Castile and Leon) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงวางแนวสกัดไฟไม่ให้ลุกลามเข้าพื้นที่พักอาศัย พร้อมอพยพประชนแล้วประมาณ 5,000 คน และมีอาสาสมัครเสียชีวิตแล้ว 1 คน เพราะตกอยู่ในวงล้อมเปลวเพลิง