คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา ส่งหนังสือถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อ้างไทยวางลวดหนามโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และมีทหารไทยติดอาวุธรุกล้ำดินแดนกัมพูชา
วันนี้ (15 ส.ค. 68) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Initial Observation Team – IOT) รวม 7 คน นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำกัมพูชา และผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศต่าง ๆ อีก 6 ชาติ ได้แก่ บรูไน, อินโดนีเซีย, สปป.ลาว, เมียนมา, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เดินทางไปตรวจเยี่ยมด่านชายแดนอันเซส (An Ses) จังหวัดพระวิหาร หรือที่ฝ่ายไทยเรียกว่า "ช่องอานม้า" จังหวัดอุบลราชธานี
โดยทางกัมพูชาอ้างว่า ฝ่ายไทยได้วางลวดหนาม และสิ่งกีดขวาง แถมยังเพิ่มกำลังพล หลังจากการหยุดยิงและแถลงการณ์ร่วมในการประชุม GBC
ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา ส่งหนังสือถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เพื่อแสดงความกังวลอย่างเร่งด่วนต่อกรณีที่ทางกัมพูชาอ้างว่า กองทัพไทยวางลวดหนาม "โดยมิชอบด้วยกฎหมาย" รวมทั้งมีทหารไทยติดอาวุธเข้าไปในดินแดนของกัมพูชาหลายครั้ง แต่ได้ระงับการกระทำดังกล่าวเมื่อมีกองทัพกัมพูชา, ประชาชน และผู้ช่วยทูตทหารจากนานาชาติเข้าไปสังเกตการณ์ ซึ่งภายในเอกสาร ทางกัมพูชาได้แนบภาพประกอบ หญิงชาวกัมพูชา 2 คน ยืนร้องไห้ ยกมือไหว้พร้อมน้ำตา ไปด้วย
นอกจากนี้ กัมพูชายังขอให้ OHCHR สนับสนุนข้อเรียกร้องของกัมพูชาที่ต้องการให้ฝ่ายไทยรื้อถอนลวดหนาม ยางรถยนต์ และสิ่งกีดขวางที่รุกล้ำดินแดนกัมพูชาออกในทันที, คืนทรัพย์สินและที่ดินทำกินของชาวกัมพูชาทั้งหมดที่ฝ่ายไทยยึดไป, ให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมวิสามัญ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2568 และข้อตกลง 13 ข้อ ในประชุมวิสามัญของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2568 และสนับสนุนการสืบสวนโดยเป็นอิสระ และเป็นกลางเพื่อหาผู้รับผิดชอบต่อการละเมิดเหล่านี้
