ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปเหตุการณ์พิพาทบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 15 สิงหาคม 2568

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปเหตุการณ์พิพาทบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 15 สิงหาคม 2568

View icon 214
วันที่ 16 ส.ค. 2568 | 10.07 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ยังพบโดรนกัมพูชา 37 ลำในพื้นที่ชายแดน และ 13 ลำในพื้นที่ตอนใน พร้อมพบการอพยพประชาชนกัมพูชาบริเวณ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร และพบแสงอินฟาเรด 10 จุดเคลื่อนที่จากหลังเขาพนมประสิทธิโส คาดเป็นการเพิ่มกำลัง

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 15 สิงหาคม 2568 ดังนี้

สถานการณ์ชายแดนล่าสุด ตรวจพบโดรนฝ่ายตรงข้าม 37 ลำในพื้นที่ชายแดน และ 13 ลำในพื้นที่ตอนใน พร้อมพบการอพยพประชาชนกัมพูชาบริเวณ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร และพบแสงอินฟาเรด 10 จุดเคลื่อนที่จากหลังเขาพนมประสิทธิโส คาดเป็นการเพิ่มกำลัง ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังในเขตอธิปไตย เตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์ตามข้อตกลง GBC

เมื่อ 15 ส.ค. 68 เวลาประมาณ 00.45 น. เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงประชาชนในพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ทำให้บาดเจ็บ 2 ราย การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ขณะเกิดเหตุมีเสียงปืนราว 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่อมาพบว่า พลฯ รัฐภูมิ เทพศิริ สังกัด ร้อย.ร.1623 ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุน เจ้าหน้าที่จึงประสานตำรวจตรวจสอบพื้นที่และพยาน พบว่าเป็นผู้ก่อเหตุ และได้ระดมกำลังค้นหาอย่างต่อเนื่องต่อมา เจ้าหน้าที่พบชายแต่งกายชุดทหารพร้อมปืนเอ็ม16 นอนเสียชีวิตห่างจุดเกิดเหตุราว 50 เมตร ตรวจสอบยืนยันเป็น พลฯ รัฐภูมิ เทพศิริ ซึ่งใช้อาวุธปืนประจำกายอัตวินิบาตกรรม

โฆษกกองทัพบก พร้อมด้วย พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์ ร่วมแถลงกรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิด รวมถึงการโต้แย้งข้อมูลที่กัมพูชากล่าวหาไทยใช้อาวุธเคมีโจมตี โดยย้ําว่ากัมพูชายังคงปฏิเสธและบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิด แม้ที่ผ่านมาเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดแล้วถึง 5 ครั้ง ซึ่ง 2 ครั้งหลังเกิดขึ้นในช่วงที่มีการยุติการยิงแล้วก็ตาม

รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันภาพรื้อถอนลวดหนามบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ เป็นข่าวปลอม ตรวจสอบไม่พบเหตุการณ์ตามที่อ้าง และเสาธงในภาพไม่มีอยู่จริงในพื้นที่ หากเกิดขึ้นจริงฝ่ายไทยต้องตอบโต้ทันที ประเมินว่าฝ่ายกัมพูชาจัดทำเพื่อเบี่ยงเบนกระแสภายใน หลังไทยยึดพื้นที่คืนได้ 11 จุด

วันที่ 15 ส.ค. 68 เริ่มประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) ไทย–กัมพูชา ระดับเลขานุการ ที่ จ.ตราด ระหว่าง 15–16 ส.ค.68 โดยฝ่ายไทยนำโดย พล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี - ตราด และฝ่ายกัมพูชานำโดย พล.ต.อุย เฮียง ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 3 หารือในกรอบข้อตกลง 13 ข้อจากการประชุม GBC ที่มาเลเซีย พร้อม 2 ประเด็นเพิ่มเติม คือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบสแกมเมอร์ ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องเศรษฐกิจหรือเปิดด่าน สำหรับพื้นที่ภาคอีสานจะประชุมตามกำหนด 19–21 ส.ค.68 (กองทัพภาคที่ 2– กองบัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4) และพื้นที่ภาคกลางจะประชุมในวันที่ 20–21 ส.ค.68 (กองทัพภาคที่ 1–กองบัญชาการทหารภูมิภาคที่ 5)

โดยการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค : RBC (Regional Border Committee) ในแต่ละพื้นที่นั้น ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสำเร็จจากการเจรจาหยุดยิง

สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (ยอดสะสมถึง 15 ส.ค.68)
1. พลเรือน
     • เสียชีวิตทางตรง: 14 ราย
     • บาดเจ็บ: 39 ราย
รวมทั้งสิ้น: 53 ราย

2. ทหาร
     • เสียชีวิต: 16 นาย
     • บาดเจ็บ: 268 นาย
รวมทั้งสิ้น: 284 นาย

ระหว่างวันที่ 1 – 14 สิงหาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) จำนวน 15 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ตำรวจ สนับสนุนโดยกองกำลังสุรนารี และตำรวจภูธรภาค 3 ได้ดำเนินการสำรวจ พิสูจน์ทราบ เก็บกู้ และทำลายสรรพาวุธระเบิดในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา ผลการปฏิบัติ  สามารถเก็บกู้สรรพาวุธรวม 621 นัด รายการครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่

•บุรีรัมย์: BM-21 จำนวน 47 นัด, ลูก ล. 21 ลูก, ลูกปืนใหญ่ 45 นัด, จรวด 9 นัด อื่นๆ 4 นัด รวมพิสูจน์เก็บกู้แล้ว 115 รายการ
•สุรินทร์: BM-21 จำนวน 220 นัด, ลูก ล. 36 ลูก, ลูกปืนใหญ่ 5 นัด, จรวด 11 นัด รวมพิสูจน์เก็บกู้แล้ว 249 รายการ
• ศรีสะเกษ: BM-21 จำนวน 38 นัด, ลูกปืนใหญ่ 157 นัด จรวด 11 นาย อื่นๆ 9 นัด รวมพิสูจน์เก็บกู้แล้ว 188 รายการ
• อุบลราชธานี: BM-21 จำนวน 68 นัด ลูกปืนใหญ่ 3 นัด รวมพิสูจน์เก็บกู้แล้ว 69 รายการ