การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำรัสเซีย ที่รัฐอะแลสกา ซึ่งทั่วโลกจับตา จบลงโดยไม่มีข้อตกลงยุติสงครามกับยูเครน แต่ทั้งสองฝ่ายระบุว่าการหารือเป็นไปด้วยดี
หลังการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ฐานทัพร่วม เอลเมนดอร์ฟ-ริชาร์ดสัน ในเมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา ของสหรัฐฯ ซึ่งมีการพูดคุยกันนานเกือบ 3 ชั่วโมง เพื่อหาทางยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ผู้นำสองชาติมหาอำนาจ เปิดเผยว่า พวกเขามีความคืบหน้าในการหารือกัน แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นความคืบหน้าในประเด็นใด รวมทั้งไม่เปิดเผยรายละเอียด และไม่ตอบคำถามใด ๆ ต่อสื่อมวลชนระหว่างการแถลงข่าว ซึ่งก่อนจบการแถลงข่าว ปูติน ได้เปลี่ยนมาใช้ภาษาอังกฤษ พร้อมกล่าวเชิญ ทรัมป์ ว่า การประชุมครั้งต่อไปพบกันที่กรุงมอสโก
ขณะที่ ภายหลัง ทรัมป์ ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว "ฟ็อกซ์นิวส์" (Fox News) ว่า เขาได้เสนอให้มีการนัดพบกันระหว่างปูติน และประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งเขาอาจจะเข้าร่วมด้วย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าใครเป็นผู้จัดการประชุมครั้งนี้ หรือการประชุมจะเกิดขึ้นเมื่อใด นอกจากนี้ เขายังตัดสินใจจะชะลอการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ต่อจีน สำหรับการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่เขาตั้งเป้าที่จะขึ้นภาษีนำเข้ากับอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรายใหญ่ของรัสเซีย เพิ่มอีก 25%
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยขู่ว่าจะคว่ำบาตรรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้ดำเนินการตามนั้น แม้ว่าปูตินจะเพิกเฉยต่อกำหนดเวลาหยุดยิงที่ ทรัมป์ กำหนดไว้เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็ตาม