ชาวบ้านชายแดนไม่วางใจ พร้อมอพยพ จ.สุรินทร์

เจาะประเด็นข่าว 7HD - ชาวบ้านชายแดน จังหวัดสุรินทร์ ยังไม่ไว้ใจสถานการณ์ เตรียมข้าวของเครื่องใช้ รอคำสั่งอพยพออกจากพื้นที่ ขณะที่ทหารเร่งทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ให้ช่วยสอดส่องวัตถุระเบิดที่อาจตกค้าง

ชาวบ้านชายแดนไม่วางใจ พร้อมอพยพ จ.สุรินทร์
ที่วัดพัฒนาธรรมาราม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายปกครองพร้อมด้วยผู้นำชุมชน และทหารจากกองกำลังสุรนารี ร่วมกันแจกข้าวสาร เครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับชาวบ้านเกือบ 3,000 หลังคาเรือน พร้อมกับสร้างความเข้าใจให้ประชาชน รับรู้ต่อสถานการณ์ชายแดนปัจจุบัน รวมทั้งป้องกันการเข้าใจผิดจากข่าวปลอม ทั้งนี้ยังได้เน้นย้ำขอให้ชาวบ้านช่วยกันส่องวัตถุระเบิดตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่อาจหลงเหลืออยู่

นายก อบต.ด่าน ระบุว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ต้องเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา โดยได้พูดคุยกับชาวบ้านว่า จะต้องฟังสถานการณ์ให้ดี ไม่ใช่ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ ฟังคำสั่งผู้นำชุมชนให้เตรียมความพร้อมตลอดเวลา ถ้าต้องอพยพก็ต้องรีบไป 

ชาวบ้านชายแดน อพยพแล้ว 80 % จ.อุบลราชธานี
ขณะที่ชาวบ้านใน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี หลายหมู่บ้านที่อยู่ติดกับชายแดน อย่างใน ตำบลโดมประดิษฐ์ ได้อพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากหวาดระแวงว่าจะเกิดการปะทะรอบ 2 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็ก อพยพออกจากหมู่บ้านไปอยู่ที่ศูนย์อพยพในพื้นที่ อำเภอเดชอุดม แล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออยู่เฝ้าทรัพย์สิน หรือทำงาน บางคนบอกว่า กังวลมากหากมีการปะทะรอบที่ 2 จะหนักกว่าเดิม เพราะมีข่าวว่ากัมพูชา มีการเตรียมอาวุธมามากกว่าครั้งแรก

ขณะที่ ปลัดอำเภอน้ำยืน เข้าไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่อพยพ โดยยอมรับว่า ชาวบ้านมีความกังวลใจ จึงออกจากพื้นที่ไปอยู่ที่ศูนย์อพยพ แต่จนถึงตอนนี้ อำเภอมีเพียงแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อม อย่าตื่นตระหนก จนกว่าจะมีคำสั่ง ส่วนที่อพยพไปแล้วก็มีทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปดูแล

ปู่-ย่า "น้องน้ำโขง" ยังทำใจไม่ได้ จ.สุรินทร์
ปู่-ย่าของน้องน้ำโขง ยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของหลาน ที่ลูกปืนใหญ่ตกใส่บ้านในหมู่บ้านโจรก ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา 

หลังจากเมื่อวานนี้มีพิธีเก็บอัฐิ น้องน้ำโขง อายุ 8 ขวบ วันนี้ปู่ ย่า และญาติ ๆ ของ "น้องน้ำโขง" ได้ไปทำบุญบรรจุอัฐิตามประเพณี ที่วัดโจรกพัฒนาวาส ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์

โดยปู่กับย่า ยังได้นำชุดนักเรียน เสื้อผ้า รองเท้านักเรียน ของน้องน้ำโขง ไปทำบุญเพื่อให้น้องได้สวมใส่ โดยเฉพาะรองเท้าสตั๊ดที่คุณปู่ นำขึ้นมาให้ผู้สื่อข่าวดู และบอกว่า เป็นรองเท้าสตั๊ดของ "น้องน้ำโขง" คู่โปรดที่เขาชอบ เขาเป็นนักกีฬาวิ่งและนักฟุตบอล ซึ่งวันที่เกิดเหตุเขากำลังจะได้ใส่รองเท้าคู่นี้แข่งขันเตะฟุตบอลนัดแรกในชีวิต ซึ่งเป็นกีฬาสีในโรงเรียนพอดี แต่สุดท้ายน้องก็ไม่ได้สวมใส่ เหลือเพียงรองเท้าสตั๊ดคู่ใจให้ดูต่างหน้า 

นายสุที ปู่ของน้องน้ำโขง บอกว่า สถานการณ์ยังตึงเครียดอยู่ ยังไม่ไว้ใจ เราทำใจวันต่อวัน และรับสภาพที่เกิดขึ้น ส่วนการสูญเสียกับครอบครัว เราก็ทำให้ดีที่สุด ส่วนหลานสาวที่ได้รับบาดเจ็บอีกคน หลายหน่วยงานเข้ามาให้ความช่วยเหลือ และจะให้หลานเป็นพยาบาล แต่ตอนนี้น้องยังเรียนอยู่ ป.5