นฤมล ยกวิชาประวัติศาสตร์-หน้าที่พลเมือง เทียบเท่าวิชาหลัก เสนอใช้วัดผลสอบเข้า ม.1 - ม.4

นฤมล ยกวิชาประวัติศาสตร์-หน้าที่พลเมือง เทียบเท่าวิชาหลัก เสนอใช้วัดผลสอบเข้า ม.1 - ม.4

วันที่ 18 ส.ค. 2568 | 18.09 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ปฏิรูปการศึกษา "นฤมล" ปรับปรุงเนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์-หน้าที่พลเมือง เสนอใช้วัดผลสอบเข้า ม.1 และ ม.4

วันนี้ (18 ส.ค.68) ที่โรงเรียนพะเยาวิทยาคม จ.พะเยา นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานในการประชุมและมอบนโยบายในการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาแก่หน่วยงานในสังกัด โดยมีว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ผู้บริหาร (สพฐ.), สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมประชุม พร้อมตรวจเยี่ยมชมบูทแสดงนิทรรศการผลงาน Best Practice ของโรงเรียน

นางนฤมล กล่าวว่า จากการรับฟังเสียงสะท้อนและอุปสรรค พบว่ามีหลายประเด็นสำคัญที่ตรงกับที่ได้คุยกันที่ส่วนกลางอยู่แล้ว แต่ได้รับฟังรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้น เช่น เรื่องของวิทยฐานะ ที่อยากให้นำผลงานเชิงประจักษ์เข้ามาใช้ในการพิจารณาเลื่อนวิทยฐานะด้วย ซึ่งทางเลขาธิการ ก.ค.ศ. (นายธนู ขวัญเดช) ก็รับโจทย์ตรงนี้แล้วว่าจะนำไปปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์กับบุคลากรของเราให้มากที่สุด เช่นเดียวกับเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลทุกชุดพยายามแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง และเราก็จะเดินหน้าต่อไปให้สำเร็จ รวมถึงมีแผนลดภาระงานที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของครู ทั้งงานบัญชี พัสดุ และการเงิน โดยจะเกลี่ยอัตราครูที่เกินเกณฑ์จากโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศ เปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค. (2) ให้เข้ามาช่วยงานสนับสนุน เพื่อให้ครูมุ่งสอนและพัฒนาเด็กได้เต็มที่

"ส่วนเรื่องการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง จากที่ได้มอบหมาย สพฐ.ให้ดูแลเรื่องนี้ ก็มีแนวคิดว่าอยากให้ปรับปรุงเนื้อหาในหลักสูตรหรือในหนังสือเรียนให้ชัดเจนมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเพิ่มสัดส่วนในการสอบของนักเรียน นอกเหนือไปจากการสอบวัดผลในโรงเรียนแล้ว ก็อยากจะให้ใช้เป็นส่วนหนึ่งในการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นด้วย อย่างเช่น สอบเข้าชั้น ม.1 หรือ ม.4 เพื่อให้ครูและนักเรียนให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์ และเข้าใจหน้าที่พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มากขึ้นเทียบเท่ากับวิชาหลักอื่นๆ ซึ่งในหลายประเทศก็ให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอกเช่นกัน ซึ่งจะต้องหารือกันในรายละเอียดต่อไป" รมว.ศธ. กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง