รองแม่ทัพภาคที่ 2 ลั่น ! ไม่คาดหวังกับกัมพูชา เรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทำตามที่ตกลง การลงพื้นที่ของคณะทูตทหาร เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริง ว่ามีพลเรือนบาดเจ็บ ล้มตาย ไม่ใช่การสร้างเหตุการณ์โดยใช้สแตนด์อิน
วันนี้ ( 18 ส.ค.68 ) ช่วงเย็นที่ผ่านมา คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งเป็นทูตทหารอาเซียนประจำกรุงเทพฯ 8 ประเทศ ได้รับฟังบรรยายข้อสรุปจากกองทัพภาคที่ 2 หลังกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.ชัมชุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย กล่าวหลังการประชุมว่า พวกเรามาที่นี่เพื่อมารับฟังบรรยายจากกองทัพภาคที่ 2 โดยมาเพื่อรับรายงาน-สังเกตการณ์ข้อเท็จจริง เพื่อที่จะนำข้อเท็จจริง ไปนำเรียนยังหน่วยเหนือ ให้รับทราบข้อมูลและดำเนินการต่อไป โดยคติที่มาเลเซียยึดถือคือเรื่องเวลา เพราะเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ชีวิตเป็นสิ่งที่ล้ำค่า และมุ่งหวังอยากจะเห็นสันติภาพให้เกิดขึ้นกับทั้ง 2 ประเทศ
นอกจากนี้ความคาดหวังที่มาลงพื้นที่ครั้งนี้ คือมาดูสถานที่สำหรับการจัดตั้ง AOT ที่จะจัดตั้งต่อไปในอนาคต ว่าสามารถตั้งสำนักงานได้ที่ใดบ้าง โดยคาดว่าจะจัดตั้งที่จังหวัดอุบลราชธานี ส่วน IOT จะใช้สำนักงานผู้ช่วยทูตที่อยู่ในกรุงเทพมหานครเป็นหลัก แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่สามารถระบุกรอบเวลาได้
ขณะที่ พล.ต. วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ผู้ช่วยทูตคณะนี้มาจากคณะ GBC จึงได้เชิญเข้ามาดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งข้อมูลที่นำเสนอ ก็เป็นข้อเท็จจริงไม่ว่าจะเรื่องของทุ่นระเบิด เรื่องของการจัดการศพ ซึ่งเราไม่ได้ปลอม หรือสร้างข้อมูลเท็จขึ้นมา โดยท่าทีของคณะผู้ที่เดินทางมา เป็นคณะที่มารวบรวมข้อมูลซึ่งไม่ได้แสดงท่าทีชี้นำอะไรเพราะต้องเป็นกลาง แต่จะนำข้อมูลไปเสนอต่อผู้บังคับบัญชาของแต่ละประเทศ ซึ่งการนำเสนอข้อมูลความจริงก็เป็นหนึ่งแนวทางในการตอบโต้กัมพูชา ที่ละเมิดสัญญา เพราะสิ่งที่เราตอบโต้ได้คือข้อเท็จจริง
การลงพื้นที่ทั้งช่องอานม้า , ภูมะเขือ และโรงพยาบาลพนมดงรัก จะได้เห็นข้อเท็จจริงที่กัมพูชาละเมิดฯ ทั้งเรื่องของการลุกล้ำพื้นที่ การวางทุ่นระเบิด และการยิงพลเรือน เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เราไม่ได้ยิงพลเรือนเพื่อสร้างสถานการณ์อยู่แล้ว และเพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่ได้ทำเอง มีคนบาดเจ็บจริง มีคนตายจริง จะสร้างเหตุการณ์โดยใช้สแตนด์อินไม่ได้ เราต้องนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ให้ชาวโลกรู้ ซึ่งคณะ IOT ลงพื้นที่เพื่อมานำเอาข้อมูลจริงไปนำเสนอให้ผู้บังคับบัญชาทั้ง 8 ประเทศ ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องประเมินสถานการณ์เป็นห้วงเวลา พิจารณาเป็นวันต่อวัน ว่ากัมพูชามีการสร้างสถานการณ์ที่นอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้หรือไม่
ส่วนการตั้งสำนักงาน AOT เป็นประโยชน์หรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ซึ่งต้องผ่านกฎหมายต้องผ่านสภาฯ ขณะนี้ทำได้ในขั้นตอน IOT เพื่อพิจารณาในกรอบของเราก่อน ซึ่ง IOT เกิดจากการประชุม GBC ที่ผ่านมา หาดเจรจากันสำเร็จปฏิบัติตามที่ตกลงก็จะจบเพียงแค่ IOT
ส่วนการประชุม RBC กัมพูชาขอเลื่อนนัดจากกำหนดเดิม คือวันที่ 20-21 แต่กัมพูชาขอเลื่อนเป็นวันที่ ซึ่งยังไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะอะไร ซึ่งประเด็นหลัก ในการประชุม RBC เรื่องขอให้กัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิด “ส่วนตัวไม่คาดหวัง เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำ"
