สมช. มีมติฟ้องแพ่ง-อาญา ผู้นำเขมรต่อศาลไทย ภูมิธรรม ลั่น เจอตัวในไทยจับทันที

สมช. มีมติฟ้องแพ่ง-อาญา ผู้นำเขมรต่อศาลไทย ภูมิธรรม ลั่น เจอตัวในไทยจับทันที

View icon 437
วันที่ 18 ส.ค. 2568 | 19.43 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
มติ สมช. ฟ้องแพ่ง-อาญา ผู้นำเขมรต่อศาลไทย “ภูมิธรรม” ลั่น เจอตัวในไทยจับทันที มองเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย ปัดตอบสอบเส้นทางการเงิน

วันนี้ (18 ส.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ยังไม่มีการขยายออกไป แม้จะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่ โดยฝ่ายกองทัพ และกระทรวงกลาโหมยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เรื่องของการเจรจาเขตแดน มองว่าไม่จบง่าย โดยยังต้องรอการประชุม ทั้งการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) ในวันที่ 25 -27 ส.ค.68 และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 8-10 ก.ย.68 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งกำชับให้ทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการแจ้งเตือนเรื่องรูปธรรมต่าง ๆ ให้ชัดเจน เป็นเอกภาพ และสื่อสารประสานงานกันอย่างเต็มที่ 

ขณะนี้มีเรื่องความสับสน และความไม่เข้าใจของประชาชนทั้งเรื่องขบวนการของ IO จึงฝากประชาสัมพันธ์ประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องนี้ ให้ดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุด เอาประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง

ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับผู้สั่งการของกัมพูชาที่ใช้กำลังทหาร และยุทโธปกรณ์มารุกรานอธิปไตยของไทย มีหลายส่วนที่กระทบกับชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนไทย รัฐบาลจึงต้องดำเนินการฟ้องร้องกัมพูชาและผู้นำ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นศูนย์รวมในการรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน และหน่วยงานราชการที่ได้รับผลกระทบ และจะเป็นตัวกลางในการสอบสวนรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ เพื่อทำเรื่องร้องเรียน ก่อนส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งจะเป็นทนายความแผ่นดิน

ยืนยันว่าทั้งหมดจะเป็นการดำเนินการฟ้องร้องภายในประเทศที่กระทบต่อความมั่นคงชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนจากผู้ก่อเหตุภายนอกประเทศ ย้ำว่า จะฟ้องภายในประเทศเท่านั้น ไม่ฟ้องกฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ซึ่งการฟ้องร้องภายในประเทศรัฐบาลจะไม่ทำไม่ได้ เพราะจะโดนฟ้องร้องตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจนกว่าการเจรจาการพูดคุยจะคลี่คลาย หรือจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

เมื่อถามว่า การฟ้องร้องภายในประเทศ จะนำผู้ต้องหาเข้ามาดำเนินคดีได้อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดก็จะเป็นชนักปักหลัง หากเจอที่ไหน เมื่อไหร่ หรือเมื่อเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ก็สามารถดำเนินการจับกุม ส่วนจะฟ้องใครบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้อัยการสูงสุดดู และไปรวบรวม และดำเนินการตามข้อเท็จจริงของกฏหมาย ซึ่งจะเป็นการฟ้องร้องทั้งคดีอาญา และแพ่ง โดยหลังได้ข้อมูลจากตำรวจภูธรภาค 3 แล้วก็จะเริ่มดำเนินคดีได้

เมื่อถามว่า การตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่ายนักการเมืองกัมพูชาในไทย จะสามารถดำเนินการได้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปพิจารณาให้เหมาะสม หากจะทำก็พูดไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาพูดคุยกัน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่ไม่พูด เพราะกลัวว่าผู้ที่ถูกตรวจสอบจะรู้ตัวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่ใช่ และยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ เป็นการดำเนินการตามปกติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการเช่นนี้ก็จะไม่นำมาพูดกัน เป็นเรื่องของหน่วยงานราชการ ส่วนความชัดเจนการยุบ ศบ.ทก. ยืนยันว่า “ตนยังไม่เคยพูดว่า จะยุบเลยสักคำ”