ย้อนคำชี้แจง นพ.สุภัทร ปมจัดซื้อ ATK

View icon 68
วันที่ 19 ส.ค. 2568 | 06.36 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ยังไม่ยุติกับปม "หมอสุภัทร" อาจถูกให้ออกจากราชการ หลังถูกสอบวินัยร้ายแรง เกี่ยวกับการจัดซื้อ ATK ช่วงแพทย์ชนบทบุกกรุง คุมโควิด-19 เมื่อปี 2564 วานนี้ก็มีความเคลื่อนไหวทั้ง 2 ฝั่ง แต่เบื้องต้น เจ้ากระทรวงสาธารณสุข ก็แย้มมติยังเป็นความลับ พร้อมย้ำเจ้าตัวร้องขอความเป็นธรรมได้ 

ย้อนดูคำชี้แจง หมอสุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ที่จัดซื้อ ATK เมื่อปี 2564 ในนาม โรงพยาบาลจะนะ ปฏิบัติการ 3 ครั้ง รวม 5 ใบสั่งซื้อ 

โดยครั้งแรก กับ ครั้งที่ 2 ที่เข้ามาบุกกรุงช่วยควบคุมโรคโควิด-19 ก็จัดซื้อเอทีเคเฉลี่ยครั้งละ 8,695 ชิ้น เพราะแต่ละครั้งต้องใช้วงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท

ยกเว้นครั้งที่ 3 ที่ชุดตรวจเอทีเคไม่เพียงพอ ประชาชนมารับการตรวจจำนวนมาก และทุกคนต้องได้รับบริการเพื่อให้การควบคุมโรคโควิดในกรุงเทพฯ ไม่ลุกลาม จึงต้องสั่งเอทีเคเพิ่มรวมทั้งสิ้น 3 ครั้ง เท่ากับ 25,464 ชิ้น 

ดังนั้น ถ้านับรวมคำสั่งซื้อทั้งหมด 5 ครั้ง มีเอทีเคที่ต้องใช้รวมทั้งสิ้น 42,854 ชิ้น จัดซื้อในราคา 230 บาทต่อชิ้น ก็จ่ายเงินไปกว่า 9.8 ล้านบาท

ซึ่ง หมอสุภัทร ก็ยังย้ำถึงข้อกล่าวหาว่า แบ่งซื้อ-แบ่งจ้าง ไม่ได้เป็นตามนี้ เพราะการออกปฏิบัติงานไม่สามารถประเมินยอดผู้รับบริการได้

ส่วนปมการเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชน ก็ชี้แจงว่า ในการร่วมปฏิบัติการ ตกลงกันว่า เพื่อความแม่นยำของผลตรวจคัดกรองโควิด จะใช้ ATK ที่เป็น medical grade มีมาตรฐาน WHO รับรอง บริษัทผู้ขายยอมรับเงื่อนไข คือ ต้องจัดส่งเอทีเคได้ทันทีที่สั่งซื้อเพิ่ม และมีเงื่อนเวลาให้เครดิตการชำระเงินใน 180 วัน ซึ่งบริษัทที่จัดซื้อก็รับเงื่อนไขตามนี้ และยังต่อรองราคาจนเหลือชิ้นละ 230 บาท ต่ำกว่าราคาท้องตลาดขณะนั้นขายอยู่ที่ชิ้นละ 350 บาท

แต่พอดูตัวเลขการใช้ เอทีเค และเงินค่าชุดตรวจ กับข้อกล่าวหาที่ หมอสุภัทร ทําให้ทางราชการได้รับความเสียหายร้ายแรง เลยถอดคำชี้แจงเทียบให้ดูว่า เมื่อจบงานแล้วนั้น ทางโรงพยาบาลจะนะ ก็เบิกเงินชดเชยคืนจาก สปสช. ซึ่ง สปสช. ให้เบิกได้ 39,211 คน แต่ราคาที่ สปสช. จ่ายค่าตรวจเอทีเคอยู่ที่ 450 บาทต่อชิ้น ก็ทำให้มีเงินเข้าบัญชีเงินบำรุงโรงพยาบาลจะนะกว่า 17.6 ล้านบาท 

พอหักต้นทุนกว่า 9.8 ล้านบาท ก็คงเหลือเงิน 7,788,530 บาท ซึ่ง หมอสุภัทร ชี้แจงทุกบาททุกสตางค์ที่เหลือ เข้าบัญชีเงินบำรุงโรงพยาบาลจะนะทั้งหมด ไม่ได้เข้าบัญชีส่วนตัวใคร หรือชมรมแพทย์ชนบท 

ซึ่ง หมอสุภัทร ก็ยืนยันไม่ได้ทำผิดตามข้อกล่าวหา และการกล่าวหานี้ก็ร้ายแรงสุด จึงจะขอสู้เต็มที่ และยังเรียกร้องให้เปิดข้อมูลสอบสวนเพื่อให้สาธารณชนตัดสินข้อเท็จจริง

สอดคล้องกับ เครือข่ายด้านสุขภาพ รวม 23 องค์กร รวมพลเรียกร้องความเป็นธรรมให้ “หมอสุภัทร”

หลัก ๆ คือ ขอให้คณะกรรมการสอบสวนเปิดเผยข้อมูล และหลักฐานการสอบสวนที่ให้ออกจากราชการว่าทำอะไรผิด และขอให้พิจารณาข้อมูล หลักฐาน ระเบียบ สถานการณ์ขณะนั้นครบถ้วนหรือไม่ โดยเฉพาะแนวปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ สำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือ รักษาโควิด-19

และขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ความเป็นธรรมกับ หมอสุภัทร ด้วย

รัฐมนตรี สมศักดิ์ เผยว่า ยังไม่ทราบผลสอบสวนวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการหรือไม่ เพราะเป็นมติลับ ยังไม่สิ้นสุด แต่ย้ำว่าเจ้าตัวร้องขอความเป็นธรรมได้

ส่วนประเด็นที่ว่า อาจทิ้งบอมบ์สุดท้ายของหมอโอภาส ปลัด สธ. หรือไม่ เพราะเคยมีปัญหาไม่ลงรอยกันมาก่อน ไปดูท่าที หมอโอภาส จะชี้แจงหรือไม่

ปลัดโอภาส ก็ส่งสัญญาณมือ ปฏิเสธสัมภาษณ์ ก่อนเดินตามรัฐมนตรีไปติด ๆ ซึ่งวันนี้ (19 ส.ค.) ช่วง 10.00 น. ทางเครือข่ายฯ จะไปยื่นหนังสือถึง นายภูมิธรรม รักษาการนายกรัฐมนตรี ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง