หญิงวัย 63 เป็นหนี้นอกระบบ 5-6 เจ้า ถูกโทรทวงหนี้รายชั่วโมง ค้าขายไม่ดี เงินไม่พอจ่ายดอกรายวัน ขี่ จยย.จากสระบุรี มาที่วัดศรีภวังค์ อยุธยาฯ ระยะทาง 60 กิโลเมตร ขโมยเงินพระ
วันที่ 19 สิงหาคม กล้องวงจรปิด อบต.ทับน้ำ ช่วงเวลา 09.00 น.จับภาพ คนร้ายเป็นหญิงมีอายุ กำลังขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าดรีม สีชมพู หลบหนีออกมาจากชุมชน มุ่งหน้าถนนสาย ป่าโมก - สายเอเชีย หลังก่อเหตุ ฉกเงินพระลูกวัด ที่วัดศรีภวังค์ ต.ทับน้ำ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดศรีภวังค์ สอบถามหลวงตา ถวิล ทองเนื้อดี อายุ 73 ปี พระลูกวัด ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 9 โมงเช้า มีหญิงสูงวัยคนหนึ่งเดินพุ่งเข้ามาภายในกุฎิ จากนั้นบอกว่า จะถวายอาหารเพล ซึ่งในนี้มีนม สองขวดและขนมจีบหนึ่งกล่อง ตอนนั้นหลวงตาก็ตกใจ เพราะโยมเป็นผู้หญิง กลัวไม่เหมาะสม และกลัวว่าจะถูกจู่โจมเข้ามาประชิดตัว และนำไปแบล็กเมล หลวงตาก็ระวังตัว เพราะยิ่งมีข่าวเสื่อมเสียเกี่ยวกับพระ จึงต้องระวังตัว อีกทั้งยังกังวลว่า หญิงรายดังกล่าวนั้นเป็นมิจฉาชีพ
ขณะนั้นหลวงตาเพิ่งออกไปซื้อของมา และนำกระเป๋าตังค์วางไว้ที่เก้าอี้ โดยยังไม่ทันเก็บเข้าตู้ หญิงรายดังกล่าวคงจะเห็นกระเป๋าสตางค์ จึงพยายามชวนหลวงตาพูดคุยหลอกล่อจนหลงตาเผลอ หญิงรายดังกล่าว ฉกเงินในกระเป๋าออกไปจำนวน 16,900 บาท ซึ่งตอนนั้นหลวงตา ยังไม่รู้ว่าถูกขโมยเงิน แต่มาสังเกตว่ามีตังค์วางอยู่หลังตู้เย็นจึงเอะใจ เปิดดูในกระเป๋าก็พบว่าเงินเก็บที่สะสมมานานกว่า 28 ปี ถูกหญิงรายดังกล่าวขโมยไป จึงรีบโทรหาลูกสาว ให้พาไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน สภ.บางปะหัน
ต่อมาด้าน พ.ต.อ. ประเดิม จิตวัฒนาภิรมย์ ผกก.สถานีตำรวจภูธรบางปะหัน จึงได้สั่งการ ชุดสืบสวนออกหาเบาะแสเพิ่มเติม จากทะเบียนรถและกล้องจรปิด จนกระทั่งผู้ ก่อเหตุทนแรงกดดันไม่ไหว หลังก่อเหตุเพียง 10 ชั่วโมง ช่วงเวลา 19.00 น. ลูกสาวผู้ก่อเหตุ จึงประสานขอพาแม่มามอบตัว ที่สภ.บางปะหัน และทันทีที่ลูกสาวผู้ก่อเหตุ และหญิงวัย 63 ปี ผู้ก่อเหตุ มาถึงสภ. บางปะหัน รีบก้มลงกราบขอขมาหลวงตาถวิล โดยลูกสาวผู้ก่อเหตุได้นำเงินที่แม่ขโมยไปทั้งหมดมาคืน และเงินทำขวัญอีก 5,000 บาท
ลูกสาวผู้ก่อเหตุ ร่ำไห้ขอโทษหลวงตาถวิล ในสิ่งที่แม่ทำลงไป โดยเผยว่า รู้ว่าแม่ทำไปนั้น มันก็เป็นบาปติดตัวแม่ แต่ตนเองในฐานะลูก ก็ทำให้แม่ได้ดีที่สุดเท่านี้ ซึ่งหลวงตาถวิล สงสารลูกสาวผู้ก่อเหตุ จึงยอมความไม่เอาเรื่อง และได้เทศสอนผู้ก่อเหตุว่าให้สงสารลูกสาว ลูกสาวเป็นอภิชาตบุตร คอยช่วยเหลือแม่มาตลอด แม่นั้นก็อย่าสร้างบาปสร้างเวรสร้างกรรมให้ลูกตามใช้อีกต่อไป
ด้าน ผู้ก่อเหตุ ร่ำไห้ เล่าให้ฟังว่า ตนเองนั้นขายของอยู่ที่ภายในตลาดพระลาน อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี และได้เป็นหนี้รายวัน 5-6 เจ้า รวมๆประมาณ 4-5 หมื่นบาท และก็จะต้องส่งรายวัน ประมาณ 1000 - 1500 บาท ช่วงหลังขายของเริ่มไม่ดี ตนเองก็ต่อรองกับแก๊งทวงหนี้ ขอให้จ่ายเจ้าละ 150 -200 บาทต่อวัน ต้องหาเงินใช้หนี้แก๊งหมวกกันน็อกให้ได้วันละ 800 บาท แต่ตนเองก็ส่งไม่ไหว ประกอบกับถูกแก๊งทวงหนี้ทวงรายชั่วโมง ทำให้กดดันไม่มีทางออก ไม่กล้าบอกลูกสาว เพราะลูกสาวเคยใช้หนี้ให้แล้ว แต่ก็ยังใช้ไม่หมด จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากอำเภอบ้านหมอ มุ่งหน้ามาที่วัดศรีภวังค์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 60 กิโลเมตร ตั้งใจจะมาหาหลวงตาสงัด ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีภวังค์ เนื่องจากตนเองเคยมาทำบุญที่วัดดังกล่าว และหวังจะมาพึ่งใบบุญเจ้าอาวาส ขอยืมเงินไปใช้หนี้ เพราะท่านเป็นพระที่ใจดีมีเมตตา แต่เมื่อมาถึง จึงมาทราบว่าท่านเจ้าอาวาสนั้นเสียไปแล้ว ไม่มีทางออก เห็นว่าในวัดมีพระสูงอายุจึงได้ เข้าไปหาหวังจะขอเงิน แต่บังเอิญเห็นกระเป๋าสตางค์วางอยู่ จึงฉวยโอกาสฉกเงินในกระเป๋าไปได้ทั้งหมด 16,000 บาท แล้วรีบนำกลับไปใช้หนี้แก๊งหมวกกันน็อก 10,000 บาท และยังเหลือเงินอีก 6000 บาทติดตัว จนกระทั่งลูกสาวโทรมาถามว่าแม่ไปก่อเหตุอะไรมา จึงยอมรับว่าไปขโมยเงินพระมา ซึ่งตนเองยอมรับว่าทำผิดและบาปกรรม แต่ไม่มีทางเลือกจริงๆ เนื่องจากถูกแก๊งทวงหนี้ ทวงรายชั่วโมง แถมโดนข่มขู่จึงไม่รู้จะทำยังไงขับรถออกมาโดยไม่บอกใครจนกระทั่งถูกกดทัน ลูกสาวพามามอบตัว