วิญญัติมั่นใจในหลักฐาน เชื่อ “ทักษิณ” ต่อสู้มาถูกทางแล้ว ยืนยันคลิปถูกตัดต่อ ระบุอดีตนายกฯ พูดเสมอว่า เป็นผู้ที่มีความสำนึกต่อความเป็นพลเมืองไทย เป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีประจักษ์ชัด
วันนี้ (22 ส.ค.68) เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อประเทศเกาหลีใต้ พาดพิง ดูหมิ่นสถาบันฯ
ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางมาถึงศาลอาญาในเวลา 09.21 น. โดยรถยนต์ส่วนตัว ได้เข้าไปส่งที่ประตูด้านข้าง ไม่ได้ให้นักข่าวเก็บภาพแต่อย่างใด
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญา เผยว่า นายทักษิณ จะเข้ารับฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นหน้าที่ของจำเลยในคดีอาญาที่ต้องเข้าฟังคำพิพากษา และมีสัญญาประกันอยู่ เป็นหลักการที่บังคับให้จำเลยต้องมาฟังด้วยตนเองอยู่แล้ว ซึ่งนายทักษิณก็ประสงค์ที่จะเข้ามาร่วมในการพิจารณาคดีทุกนัดอยู่แล้ว
ส่วนความมั่นใจในการนำพยานเข้าต่อสู้ในชั้นศาลนั้น นายวิญญญัติ กล่าวว่า ความตั้งใจมีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น แต่ความมั่นใจเรื่องผลคดีจะเป็นอย่างไรขออนุญาตยังไม่ตอบ เพราะขอให้รอคำวินิจฉัยของศาลก่อน ซึ่งหลังจากที่ตนรับทำคดีนี้และเห็นพยานหลักฐานตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน มีความชัดเจนและในการสืบพยานโจทก์ 3 นัด ก็ยิ่งชัดเจนว่าเรามาถูกทางแล้ว เพราะการต่อสู้คดีอาญาต้องดูพยานหลักฐานของโจทก์ และผู้กล่าวหาเป็นหลัก รวมถึงดูเจตนาของจำเลยด้วย และพยานหลักฐานที่เราได้นำขึ้นพิสูจน์ต่อศาลตั้งแต่ต้น ซึ่งนายทักษิณก็ยืนยันแล้วว่าไม่ได้เจตนา
สำหรับพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์นั้น นายวิญญัติ บอกว่า จะขอเปิดเผยรายละเอียดหลังจากฟังคำพิพากษาแล้ว หากมีเวลาหรืออาจจะพูดผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ซึ่งไม่สะดวกพูดในรูปแบบของรายการ ว่าการต่อสู้ในคดีนี้มีอย่างไรบ้าง ก็จะนำมาเปิดเผยให้ประชาชนทราบในกรอบที่สามารถทำได้
“นายทักษิณพูดเสมอมาว่า เป็นอดีตนายกฯ เป็นผู้ที่มีความสำนึกต่อความเป็นพลเมืองไทย และเป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ความจงรักภักดีของท่านมีอย่างชัดเจน และประจักษ์ชัด เหตุดังกล่าวนี้ท่านก็บอกแล้วว่า ไม่ได้มาจากคำพูดของท่านอย่างถูกต้อง และท่านเชื่อว่าเป็นการตัดต่อ ซึ่งเราก็พยายามพิสูจน์ แต่เมื่อจำเลยปฏิเสธโจทก์ก็ต้องพิสูจน์ว่าไม่ใช่การตัดต่ออย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะทำได้หรือไม่ได้” นายวิญญัติ กล่าว
นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า ในคดีนี้ฝ่ายโจทก์สืบพยาน 10 ปาก และฝ่ายจำเลยสืบพยาน 3 ปาก โดยหลักฐานที่ฝ่ายจำเลยนำขึ้นพิสูจน์นั้น จะเป็นเรื่องของตัวบุคคลเป็นหลักรวมถึงข้อเท็จจริงในอดีต ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สร้างขึ้น เชื่อว่าเมื่อศาลเห็นก็จะสามารถหยิบไปประกอบคำวินิจฉัยได้ แต่การจะนำมาพูดและจะดีหรือไม่ดีตรงหรือไม่ตรง ต้องขออนุญาตยังไม่พูด ต้องรอฟังคำพิพากษาก่อน
“ไม่ว่าผลพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไร เราก็พร้อมน้อมรับ แต่ถ้าหากออกมาเป็นทางบวก ก็จะออกมาเปิดเผยรายละเอียดการต่อสู้ทางคดีให้รับทราบ”
นายวิญญัติ กล่าวทิ้งท้ายว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เทียบกับกรณีของนายทักษิณที่ถูกนำคลิปมา เมื่อเสนอข่าวสารไปแล้วผิดถูกตอนแรกยังไม่มีใครพิสูจน์ความจริง ดังนั้นการขยายให้เกิดความเข้าใจผิดหรือการบิดเบือนเป็นเรื่องที่สังคมควรจะระมัดระวัง ไม่ได้พูดถึงเพียงสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ทุกคนควรที่จะระมัดระวังเพราะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และพวกท่านก็อาจจะถูกดำเนินคดีด้วย
ทั้งนี้ ศาลอาญาได้ออกข้อกำหนดให้สื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวต้องทำใบอนุญาตขอทำข่าวในพื้นที่ศาลอาญา รวมทั้งต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการอนุญาตให้เก็บภาพและสัมภาษณ์ได้เฉพาะบริเวณบันไดทางขึ้นศาลหรือพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนเท่านั้น ต้องติดบัตรสื่อมวลชนชั่วคราวของศาลตลอดเวลา ที่สำคัญคือการนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ เป็นการพิจารณาคดีแบบลับ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเข้าห้องพิจารณาคดีเป็นอันขาด
ขณะที่บรรยากาศบริเวณโดยรอบศาลอาญาเช้าวันนี้ พบว่า เริ่มมีกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนทยอยเดินทางมารวมตัวกันเพื่อส่งกำลังใจให้นายทักษิณ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในบริเวณพื้นที่ศาล