ผู้เลี้ยงโคอ่วม อ.ส.ค.ติดหนี้พันล้าน ต้องขายวัวพยุงฟาร์ม

ผู้เลี้ยงโคอ่วม อ.ส.ค.ติดหนี้พันล้าน ต้องขายวัวพยุงฟาร์ม

View icon 754
วันที่ 24 ส.ค. 2568 | 10.00 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อ.ส.ค. ติดหนี้พันล้าน เกษตรกรโคนมโคราชระทม ต้องขายวัวพยุงฟาร์ม วิกฤตนมครั้งใหญ่ ส่วนหนึ่งมาจาก FTA นำเข้านมผงภาษี 0% ตั้งแต่ต้นปี ก.เกษตรฯ รับปากเร่งเยียวยา เสนอขยายนมโรงเรียนถึงชั้น ม.ต้น

วันนี้ (24 ส.ค.68) ที่ห้องประชุมสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา สมาชิกสหกรณ์โคนมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สูงเนิน อ.สีคิ้ว และ อ.ปากช่อง กว่า 200 คน เดินทางมาประชุมร่วมกับตัวแทนภาครัฐ และคณะทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาเงินค้างจ่ายจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือน มูลค่าเงินค้างจ่ายมากกว่า 1,000 ล้านบาท

นางสมคิด เจือจันทึก สมาชิกสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค สูงเนิน กล่าวว่า ขณะนี้ตนและเพื่อนเกษตรกรลำบากมาก อ.ส.ค. ติดหนี้มานาน 5-6 เดือน บางฟาร์มต้องขายวัวนมเพื่อพยุงฟาร์ม ฟาร์มของตนเองก็ต้องขายวัวเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย บางฟาร์มก็ต้องไปกู้หนี้นอกระบบ ตนมองว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะไม่เคยมีรัฐวิสาหกิจไหนที่เป็นหนี้เกษตรกร มีแต่เกษตรกรที่เป็นหนี้สถาบันการเงิน หนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเมื่อเดือนมีนาคมเพียง 200 กว่าล้านบาท มาเป็นพันล้านบาทในเวลา 4-5 เดือน

ที่ผ่านมา ไม่เคยเห็น อ.ส.ค. ออกมาชี้แจงให้เกษตรกรทราบเลยว่าดำเนินการอะไรไปถึงไหนแล้ว จะเปลี่ยนนมเป็นเงินให้ได้เมื่อไหร่ อีกทั้งฝ่ายการตลาดก็ไม่มีประสิทธิภาพ ไปดูตามชั้นวางสินค้า จะเห็นนมยี่ห้ออื่นวางอยู่จำนวนมาก แต่ของ อ.ส.ค. มีเพียง 2 กล่อง และยังนำสินค้าที่ใกล้หมดอายุมาจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 ซึ่งไม่ใช่วิธีการขายที่ถูกต้อง ทั้งที่จริงแล้วนมของ อ.ส.ค. เป็นนมที่มีคุณภาพและอร่อยมากทุกรสชาติ จึงอยากวิงวอนให้คนไทยช่วยกันดื่มนม อ.ส.ค. เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

นายสมาน เหล็งหวาน ประธานสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค ปากช่อง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ที่ก่อตั้งองค์กรตั้งแต่ปี 2505 ตนไม่เคยเจอวิกฤตแบบนี้มาก่อน เฉพาะยอดค้างจ่ายจาก อ.ส.ค. ที่ตอนนี้แตะระดับพันล้านบาท พวกตนในฐานะผู้บริหารสหกรณ์ได้กู้เงินจากทุกแหล่งจนหมดแล้ว คาดว่าในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ สหกรณ์จะไม่มีเงินจ่ายให้กับสมาชิกเกษตรกร

แม้รัฐบาลจะออกมาตรการเงินกู้ 200 ล้านบาทมาช่วย แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการเยียวยา เพราะต้องกระจายไปทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ พวกตนพยายามร้องเรียนไปยังทุกหน่วยงานตั้งแต่ระดับจังหวัดจนถึงทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา แต่ก็ได้รับเพียงคำตอบว่าจะดูแลให้ และกลับมามือเปล่าทุกครั้ง

นายอาทร ชัยยันต์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ตนเดินทางมาเพื่อให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกร และยืนยันว่าภาคราชการไม่ได้ทอดทิ้ง สำหรับจังหวัดนครราชสีมา มีสหกรณ์ 7 แห่งที่ประสบปัญหาเงินค้างจ่ายรวมเกือบ 300 ล้านบาท และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะ อ.ส.ค. จ่ายเงินน้อยมาก ในการแก้ปัญหาระยะสั้น ได้มีการอนุมัติเงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 26 ล้านบาท เพื่อเยียวยาสหกรณ์ทั้ง 7 แห่ง ซึ่งแม้จะไม่มาก แต่อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มสภาพคล่องได้ระดับหนึ่ง

“ยอมรับว่านี่เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เพราะ อ.ส.ค. ถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ทางจังหวัดไม่สามารถเข้าไปดูแลได้โดยตรง ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวนั้น คงต้องให้ อ.ส.ค. เข้าสู่กระบวนการแผนกิจการและปรับปรุงกระบวนการ ซึ่งเป็นสิ่งที่สหกรณ์ต้นทางไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ในขณะเดียวกัน สหกรณ์เองก็พยายามหาแหล่งจำหน่ายเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต”

นายมารุต ชุ่มขุนทด คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วิกฤตินมครั้งใหญ่นี้เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายนอกเรื่องข้อตกลง FTA ที่ทำให้มีการนำเข้านมผงราคาถูกเข้ามาตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันไปใช้นมผงแทนน้ำนมดิบในประเทศ และปัจจัยภายในประเทศที่จำนวนประชากรเด็กลดลงและสังคมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้การบริโภคนมลดลง ขณะที่ อ.ส.ค. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ได้รับมอบหมายให้รับซื้อน้ำนมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร กลับมีความไม่คล่องตัวสูงและมีความสามารถในการระบายสต็อกนมอย่างจำกัด

นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจผิดว่านมโรงเรียนมีคุณภาพต่ำ ทั้งที่ความจริงแล้วนมโรงเรียนมีคุณภาพสูงมาก หรือที่เรียกว่า "สเปคเทพ" ซึ่งสูงกว่านมเชิงพาณิชย์ด้วยซ้ำ สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้น คือการสร้างอุปสงค์ใหม่ขึ้นมาเพื่อสร้างสมดุล โดยมีข้อเสนอให้ขยายโครงการนมโรงเรียนให้เด็กอนุบาลและประถมได้ดื่มนม 365 วันต่อปี และขยายไปยังกลุ่มนักเรียนมัธยมต้นซึ่งเป็นวัยเจริญเติบโต พร้อมกันนี้ต้องสร้างความภาคภูมิใจและรณรงค์ให้คนไทยหันมาบริโภคนมไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง