เจอบ้านเก่าพระอลงกต ที่ขอนแก่น เป็นบ้านพ่อ ครอบครัวเคยทำงานในกรมทางหลวง แต่เกษียณย้ายออกมาแล้ว วันเกิดพระอลงกตกลับไปแจกเงินทุกปี ทุกคนเรียกพระจอร์จ
ความคืบหน้าเรื่องราวของพระอลงกต อดีตเข้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ล่าสุดวันนี้ (24 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต หลังมีข้อมูลว่าเป็นคน จ.ขอนแก่นตั้งแต่กำเนิด ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของพระอลงกตเมื่อปี 2526 ระบุว่าอยู่ใน ม.4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าที่อยู่ดังกล่าว เป็นบ้านพักข้าราชการของสำนักงานทางหลวงที่ 7 ขอนแก่น กรมทางหลวง ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวถูกปิดล็อกประตูไว้นานแล้ว สภาพบ้านเป็นบ้านร้าง มีจดหมายในตู้จดหมายหลายฉบับ สภาพขาดจากฝนตกใส่
ชาวบ้านที่พักใกล้กับบ้านหลังดังกล่าว เล่าว่า บ้านเลขที่ดังกล่าวเดิมเป็นบ้านของพ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระจอร์จนั้นมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระจอร์จจะแวะเวียนมาบอกบุญปีละครั้งในช่วงวันเกิด โดยบ้านของครอบครัวพระจอร์จนั้น จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง ซึ่งมีการสร้างประตูเหล็กให้ไปมาได้สะดวก ช่วงที่พ่อของพระจอร์จยังมีชีวิตนั้น เวลาว่างจะทำว่าวให้เด็กๆ ในละแวกนี้เล่นสนุกสนาน เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน ส่วนพี่สาวของพระจอร์จก็ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ
แต่พอครอบครัวพระจอร์จเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน โดยพระจอร์จนั้นออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ พระจอร์จจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนครที่พระจอร์จเป็นศิษย์เก่า มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ และตอนที่พระอลงกตมาทำบุญทุกปีจะมีญาติโยมมาร่วมจนเต็มพื้นที่
นอกจากนี้ ช่วงที่พระจอร์จเรียนที่โรงเรียนแก่นนครยังเป็นนักกีฬาฟุตบอลด้วย เป็นคนใจดี ยิ้มเก่ง คาดว่าเรียนจบ ม.ต้นของโรงเรียนแก่นนครก็ไปต่อสายอาชีพที่โรงเรียนเทคนิคขอนแก่นใกล้ๆ บ้าน แต่ทุกคนไม่รู้ว่าชื่อ-สกุลจริงของพระจอร์จ เพิ่งมาทราบจากข่าวเช่นกัน ส่วนพ่อของพระจอร์จชื่อเฉย แต่ไม่มีใครทราบว่านามสกุลอะไร พอเห็นข่าวก็รู้สึกตกใจ และสงสารพระจอร์จ ไม่อยากจะเชื่อ เพราะเท่าที่เคยเห็นเคยสัมผัสเป็นคนใจดี
ด้าน ประธานชุมชนบะขาม กล่าวว่า ตนเองเป็นประธานชุมชนตั้งแต่ปี 2543 สมัยนั้นถ้าจำไม่ผิดพระอลงกตเป็นพระแล้ว ซึ่งข้อมูลที่ตนทราบเป็นข้อมูลที่ทราบในฐานะของประธานชุมชน ที่ได้สำรวจสำมะโนประชากร บ้านหลังนี้จะมีพ่อเฉย ส่วนภรรยาพ่อเฉยเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นหลายปี และมีพี่เขยกับพี่สาวของพระอลงกตอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ โดยพ่อเฉยและพี่เขยพระอลงกตทำงานที่สำนักงานทางหลวง มีการทำประตูสามารถเข้าออกไปยังสำนักงานซึ่งใกล้กับบ้านพักข้าราชการได้สะดวก และปกติครอบครัวนี้จะใช้ประตูที่ติดกับรั้วสำนักงานทางหลวง จะไม่ค่อยออกประตูเข้าชุมชนบะขาม ก่อนที่พ่อเฉยจะเสียชีวิตไปเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน บ้านก็เป็นของลูกสาว
ส่วนพระอลงกตสมัยเป็นวัยรุ่นก็ไม่ค่อยอยู่ที่บ้าน จะกลับมาเป็นครั้งคราว หลังจากพ่อเฉยเสียชีวิตก็หายไป ทราบคร่าวๆ ว่าไปบวช กระทั่งมาเห็นอีกทีเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุแล้ว ซึ่งตนยังเคยได้ไปดูงานที่วัดพระบาทน้ำพุพร้อมกับชาวชุมชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น 30-40 คน และช่วงโควิดทางอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ทำผ้าป่าได้เงินประมาณ 500,000 กว่าบาทก็ไปทอดผ้าป่าที่วัดพระบาทน้ำพุ ตนเองและชาวชุมชน รวมทั้งประธานชุมชนอื่นๆ ในเขตเดียวกันเดินทางไปร่วมบุญด้วย และยังเห็นพี่สาวของพระอลงกตทำหน้าที่ในครัวดูแลเรื่องอาหารของวัดด้วย
พระอลงกตจะมาบ้านช่วงหลังสงกรานต์ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงวันเกิดพระอลงกต โดยก่อนจะมานั้น พี่สาวพระอลงกตจะให้แม่ครัวมาทำอาหารที่บ้านหลังนี้เพื่อเตรียมถวาย และเลี้ยงชาวบ้าน โดยมีการเชิญผู้สูงอายุมาร่วมเพื่อรดน้ำผู้สูงอายุและมอบเงินให้รายละ 1,000 บาทเป็นการทำบุญวันเกิด แต่คนในชุมชนจะไม่ค่อยได้ไปร่วมมีเพียงฝั่งทางญาติๆ และคนในย่านบ้านพักสำนักงานทางหลวงที่จะได้ ทั้งนี้ หลังทราบข่าวส่วนตัวไม่ได้ตกใจ คิดอยู่ว่าสักวันจะต้องออกมาในลักษณะนี้ เพราะเงินมันเยอะ ไม่อยากจะพูดว่าเห็นเงินเยอะแล้วเกิดกิเลส พระก็คนคนหนึ่ง ซึ่งกิเลสไม่ได้อยู่ที่พระ แต่โยมเป็นคนนำกิเลสไปให้ จากแรกๆ ตั้งใจจริงพอเงินเยอะก็ทำให้เผลอได้ และเรื่องความศรัทธาส่วนตัวตอนนี้ยังศรัทธาในพระพุทธศาสนาทำบุญตักบาตรตามปกติ แต่จะเลือกว่าจะทำที่ไหนจึงจะสบายใจ