แพทองธาร ประชุม ครม.ผ่านซูม หมอมิ้ง ลั่นนายกฯ จะไปศาลเองหรือไม่ ไม่สำคัญเท่าปัญหาประเทศ มั่นใจทำสิ่งที่ถูกต้อง เชื่อว่าศาลจะพิจารณาอย่างดี ซัดคนไทยหยิบเฟกนิวส์กัมพูชา สร้างความอ่อนแอในประเทศ มุ่งการเมืองมากกว่าประโยชน์ชาติ
วันนี้ (26 ส.ค.68) นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ยื่นคำชี้แจงแบบลายลักษณ์อักษรต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และมั่นใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด เชื่อว่าศาลจะพิจารณาอย่างดี
“นายกรัฐมนตรี จะไปศาลฯ ด้วยตนเอง หรือไม่นั้น ไม่สำคัญเท่าปัญหาประเทศชาติในขณะนี้ เพราะปัญหาประเทศไทยยังอยู่ที่ชายแดน สิ่งที่เกิดขึ้นแม้การปฎิบัติการทางทหารจะคลี่คลายลงมากแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องการต่างประเทศ และการข่าวสารซึ่งทำได้ดี ขณะนี้ รมว.ต่างประเทศ ยังอยู่ที่ยุโรป คาดว่าจะไปพูดเรื่องอนุสัญญาออตตาวา การวางทุ่นระเบิด และการละเมิดข้อตกลง MOU 43 ที่มีการเรียกร้องให้ยกเลิก แต่ความจริงแล้วเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติในขณะนี้”
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนความเคลื่อนของกัมพูชาที่ใช้ประชาชนเป็นโล่ ไม่ได้เป็นตามกฎเกณฑ์ ดังนั้น การปฏิบัติการของไทยต้องพลิกให้ตามสถานการณ์ การที่เขาใช้โล่มนุษย์ขึ้นมา และเข้ามาในดินแดนไทย ดังนั้น ก็ถือว่ากฎหมายไทย ซึ่ง ศบ.ทก. ได้สั่งการให้ ทหาร ตำรวจ และมหาดไทย ทำงานร่วมกันแล้ว รวมถึงการปรับรูปแบบต่าง ๆ ให้ทันสถานการณ์
ส่วนในเรื่องการต่างประเทศ และการข่าวสาร ความเป็นเอกภาพสำคัญที่สุด คือ เอกภาพของประชาชน เอกภาพของรัฐบาล เอกภาพของทหาร คิดว่าสิ่งที่ต้องการคือทำอย่างไรให้คนไทยรวมกัน ความเป็นเอกภาพระหว่างประชาชนกับรัฐบาลและทางทหาร เพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ประชาชนคนไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้มีผลทั้งบวกและลบ หากออกมาลบจะส่งผลต่อการต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้ง จะส่งผลกระทบกับนโยบายที่ดำเนินการขณะนี้หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ ระบุว่า เมื่อไรที่ความประสงค์ของฝั่งตรงข้าม คือ สร้างให้ประเทศไทยอ่อนแอ สร้างความขัดแย้งภายในประเทศ ซึ่งจะสังเกตเห็นจากการทำเฟกนิวส์ และคนไทยบางกลุ่มก็นำเฟกนิวส์มาสร้างความขัดแย้งและความอ่อนแอภายใน เช่น กรณีศาลรัฐธรรมนูญ จะดำเนินการกับผูัที่ปล่อยเฟกนิวส์ ที่ล้ำเส้นเกินไป และกระทำแม้กระทั่งกับศาลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก บางครั้งมัวสนใจแต่เรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งถือเป็นศัตรูที่แท้จริงของคนไทย
ผู้สื่อข่วถามว่า หลังวันที่ 29 ส.ค.68 หากนายกฯ ได้กลับมา สถานการณ์ชายแดนจะคลี่คลายกว่านี้หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ ระบุว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาลอยู่จะปกป้องแผ่นดินไทย อธิปไตยไทย และผลประโยชน์ของประชาชนคือที่สุด
อย่างไรก็ตาม นพ.พรหมินทร์ เปิดเผยว่า การประชุม ครม. วันนี้ นายกรัฐมนตรี จะร่วมประชุมผ่านซูม