ชาย 2 คน ละเมิดกฎหมายชารีอะห์ “กอด-จูบ” กัน ถูกลงโทษโบย 80 ที

ชาย 2 คน ละเมิดกฎหมายชารีอะห์ “กอด-จูบ” กัน ถูกลงโทษโบย 80 ที

View icon 293
วันที่ 27 ส.ค. 2568 | 12.32 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ชาย 2 คน ถูกลงโทษโบย 80 ที กลางที่สาธารณะ ในจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย หลังศาลชารีอะห์ตัดสินว่า ทั้งคู่มีความผิดรักร่วมเพศ โดยกอด-จูบกันในห้องน้ำสาธารณะ

วันนี้ (27 ส.ค. 68) สำนักข่าว AP รายงานว่า ชาย 2 คน ถูกโบย 80 ที ในที่สาธารณะในจังหวัดอาเจะห์ ซึ่งเป็นจังหวัดอนุรักษ์นิยมของประเทศอินโดนีเซีย หลังศาลชารีอะห์ตัดสินว่า ทั้งคู่ละเมิดกฎหมายอิสลามโดยการกอดและจูบกัน ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายและชาย

โดยการลงโทษโบยชายทั้งสองคน มีผู้มาร่วมเป็นสักขีพยานประมาณ 100 คน บนเวทีในสวนสาธารณะในเมืองบันดาอาเจะห์ เมื่อวานนี้ โดยชายทั้งสองอายุ 20 และ 21 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ศาสนาที่สวมชุดคลุมและฮู้ดสีดำโบยด้วยไม้หวาย 80 ที

ทางศาลชารีอะห์ ระบุว่า ชายทั้งสองคนถูกจับกุมเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่สวนสาธารณะทามันซารีในเมืองบันดาอาเจะห์ โดยชาวบ้านได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจว่าเห็นชาย 2 คน เข้าไปในห้องน้ำห้องเดียวกันในสวนสาธารณะ ทางตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบก็พบทั้งคู่กำลังกอดและจูบกันอยู่ในห้องน้ำ โดยทั้งคู่ได้ติดต่อกันผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์

นอกจากชาย 2 คนดังกล่าวแล้ว ยังมีผู้ถูกโบยอีก 8 คน ฐานล่วงประเวณีและเล่นการพนัน ซึ่งในจังหวัดอาเจะห์ อนุญาตให้ลงโทษโบยได้สูงสุด 100 ที สำหรับความผิดทางศีลธรรม เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ยังไม่สมรส เล่นการพนัน ดื่มแอลกอฮอล์ ผู้หญิงสวมเสื้อผ้ารัดรูป และผู้ชายที่ไม่เข้าร่วมการละหมาดวันศุกร์

ทั้งนี้ จังหวัดอาเจะห์เป็นจังหวัดเดียวในประเทศอินโดนีเซีย ที่ยังบังคับใช้กฎหมายอิสลาม หรือ ชารีอะห์ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 รัฐบาลกลางได้อนุมัติให้จังหวัดอาเจะห์ใช้กฎหมายอิสลามและจัดตั้งเจ้าหน้าที่ศาสนา เพื่อยุติความขัดแย้งกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน

ก่อนหน้านี้ เคยมีผู้ถูกลงโทษโบยจากคดีที่เกี่ยวข้องกับเพศเดียวกันมาแล้วอย่างน้อย 4 ครั้ง แม้กฎหมายอาญาระดับชาติของอินโดนีเซียไม่ได้บัญญัติความผิดฐานรักร่วมเพศก็ตาม แต่รัฐบาลกลางไม่สามารถยกเลิกกฎหมายชารีอะห์ของอาเจะห์ได้ และแม้รัฐบาลกลางเคยกดดันให้อาเจะห์ยกเลิกกฎหมายที่กำหนดโทษประหารด้วยการขว้างหินสำหรับคดีชู้สาว แต่จังหวัดนี้ยังคงขยายอำนาจกฎหมายชารีอะห์ในปี 2015 ให้ครอบคลุมไปถึงประชากรที่ไม่ใช่มุสลิมราว 1% ของพื้นที่ด้วย

แม้ว่ากฎหมายอาญาแห่งชาติของอินโดนีเซียจะไม่ได้บัญญัติความผิดฐานรักร่วมเพศ แต่รัฐบาลกลางไม่สามารถยกเลิกกฎหมายชารีอะห์ในจังหวัดอาเจะห์ได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รัฐบาลกลางเคยกดดันให้จังหวัดอาเจะห์ยกเลิกกฎหมายฉบับเดิมที่ให้ประหารชีวิตผู้ที่ล่วงประเวณีด้วยการขว้างปาหิน นอกจากนี้จังหวัดอาเจะห์ได้ขยายขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายอิสลามในปี พ.ศ.2558 ให้ครอบคลุมถึงผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม ซึ่งคิดประมาณ 1% ของประชากรในจังหวัดอาเจะห์