ข่าวเย็นประเด็นร้อน - กองทัพ เตรียมสร้างกำแพงถาวรแบ่งเขตแดนให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการรุกรานอธิปไตย และใช้เวทีประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดอินโดแปซิฟิก ชี้แจงข้อเท็จจริงชายแดนไทยกัมพูชา พร้อมขอความร่วมมือนานาชาติ สนับสนุนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
การประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ที่ไทยกับสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพร่วม พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ใช้เวทีดังกล่าวขับเคลื่อนกลไกของอาเซียนให้เกิดประสิทธิภาพ ที่ขาดเพียงแค่กัมพูชา และมีหลายประเทศได้สอบถามถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งไทยได้ใช้โอกาสนี้ในการส่งข้อมูลที่เป็นความจริง ย้ำว่าทุกการกระทำเป็นการทำหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ คุ้มครองชีวิตของประชาชนคนไทยภายใต้กรอบกติการะเบียบที่โลกใบนี้มี ไม่ต้องการเห็นการสู้รบแต่ปกป้องอธิปไตยเพราะถูกรุกราน มีความพยายามที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร พร้อมขอความร่วมมือจากหลายประเทศ ให้สนับสนุนการเข้ามาเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้ในดินแดนไทย
ส่วนการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาให้มีความเข้มแข็งเพื่อป้องกันการรุกราน กองทัพบกกำลังพิจารณาและนำไปปฏิบัติ กองทัพภาคที่ 1 และ 2 โดยเมื่อวานนี้ได้ให้เสนาธิการทหารลงไปในพื้นที่ที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว และสื่อสารออกมาอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ตรงนั้นคือดินแดงของไทย และจะต้องมีการสร้างกำแพงที่แข็งแรง
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัย มองว่าสถานการณ์บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว คงจะไม่ลุกลาม จากที่ได้รับรายงาน เมื่อเช้ามีความสงบ รัฐบาลได้เตรียมมาตรการไว้ตามกฎหมายบ้านเมือง หากมีอะไรเกินเลยก็พยายามหาทางยุติ ที่สำคัญรัฐบาลยังยึดมั่นหลักการในการแก้ไขปัญหา จากที่ได้พูดคุยกับตัวแทนจากต่างประเทศ หลายประเทศเข้าใจในเจตนาของไทยและการทำงานในขณะนี้ อีกทั้งคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ลงไปเก็บข้อมูลและเข้าสิ่งที่ประเทศไทยทำ
ขณะที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำผู้แทนทางการทูตของสหภาพยุโรป ลงพื้นที่โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจสอบผลกระทบจากการถูกยิงด้วยจรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมสากลอย่างชัดเจน จากนั้นคณะทั้งหมดได้ลงพื้นที่สำรวจบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น
