เปิดช่วยแล้ว สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ตรวจคุณสมบัติ

เปิดช่วยแล้ว สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ตรวจคุณสมบัติ

View icon 18.0K
วันที่ 27 ส.ค. 2568 | 16.01 น.
เกาะกระแสออนไลน์
แชร์
ผู้ประกอบการได้เฮ ! เปิดช่วยแล้ว "สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน" วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ตรวจสอบคุณสมบัติ-ขั้นตอนยื่นกู้อย่างไร ?

สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ประกันสังคม เปิดช่วยแล้วท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่หลายธุรกิจยังคงเผชิญความท้าทาย รัฐบาลและสำนักงานประกันสังคมเดินหน้าสานต่อมาตรการสำคัญเพื่อพยุงสถานประกอบการและรักษาการจ้างงาน ด้วยการเปิดตัว "โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน" ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2568-2569) วงเงินรวมกว่า 30,000 ล้านบาท

โดยร่วมมือกับ 6 ธนาคารชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), EXIM Bank, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคาร UOB และธนาคารไทยเครดิต เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีสภาพคล่องทางการเงิน และยังคงรักษาการจ้างงานได้อย่างมั่นคง เพียงมีคุณสมบัติดังนี้ 

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

1.ต้องเป็น สถานประกอบการ ที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
2.จ่ายเงินสมทบต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 12 เดือน
3.ให้คำมั่นว่าจะรักษาการจ้างงานไม่น้อยกว่า 80% ตลอดระยะเวลาสัญญา

วงเงินสินเชื่อต่อรายตามขนาดธุรกิจ

1.ลูกจ้าง ไม่เกิน 200 คน - กู้ได้สูงสุด 15 ล้านบาท
2.ลูกจ้าง 201-500 คน - กู้ได้สูงสุด 30 ล้านบาท
3.ลูกจ้าง 501 คนขึ้นไป - กู้ได้สูงสุด 50 ล้านบาท

อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข

3 ปีแรก (อัตราดอกเบี้ยคงที่)
-มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน - ไม่เกิน 2.35% ต่อปี
-ไม่มีหลักทรัพย์หรือใช้บุคคลค้ำประกัน - ไม่เกิน 4.75% ต่อปี
-EXIM Bank (ลูกค้าเดิมที่มีประวัติชำระดี & ค้ำประกัน) - พิเศษสุด 2.00% ต่อปี

ปีที่ 4 เป็นต้นไป เป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
-ส่วนธนาคารไทยเครดิต ใช้ MRR‑2% (มีหลักทรัพย์ค้ำ) หรือ MRR + 3-5% (ไม่มีหลักทรัพย์)

ขั้นตอนการขอสินเชื่อ

1.ติดต่อขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นสถานประกอบการที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม (www.sso.go.th)
2.ติดต่อยื่นขอสินเชื่อที่ธนาคาร ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2569 หรือจนกว่าวงเงินจะเต็ม
3.ธนาคารแจ้งผลการพิจารณากับสถานประกอบการโดยตรง

สำหรับ โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2568-2569) เป็นอีกหนึ่งมาตรการด้านการเงินที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบประกันสังคม วงเงินรวม 30,000 ล้านบาทนี้ เปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงทุนได้ง่ายขึ้น เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน และรักษาการจ้างงานให้อยู่ในระดับที่มั่นคง แม้ยังมีเงื่อนไขและขั้นตอนที่ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ แต่หากเข้าร่วมได้สำเร็จ ก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญในการพยุงธุรกิจให้ก้าวต่อไปได้ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจปัจจุบัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง