ข่าวภาคค่ำ - "บ้านหนองจาน" จังหวัดสระแก้ว ในอดีตเคยเป็นค่ายลี้ภัย ช่วยเหลือชาวกัมพูชาหนีภัยสงคราม แต่ผ่านมาหลายสิบปี พื้นที่บางส่วนกลับถูกชาวกัมพูชาไม่ย้ายกลับ เข้ายึดครองและมีเข้ามาเพิ่ม ทำให้คนไทยเข้าไปทำกินไม่ได้ ติดตามได้จากรายงานพิเศษของคุณณัฐดนัย ใหม่ซ้อน วันนี้เสนอเป็นตอนแรก
กว่า 300,000 คนของผู้อพยพชาวกัมพูชา หนีตายสงครามกลางเมืองมาพึ่งใบบุญไทย
"บ้านหนองจาน" ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เป็นหนึ่งในค่ายลี้ภัยชั่วคราว ที่ให้พักพิง ก่อนส่งต่อไปยังค่ายคลองลึก ค่ายเขาอีด่าง ค่ายไซต์ทู (Site TWO) และค่ายไซต์บี (Site B) เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม
จากความแร้นแค้นสู่ชีวิตใหม่ เมื่อสงครามจบลง หลายครอบครัวขอลี้ภัยย้ายไปประเทศที่สาม บ้างก็กลับกัมพูชา
แต่มีบางส่วนยังอยู่ในพื้นที่อพยพ และไม่ถึงครึ่งศตวรรษ ใบบุญที่เคยช่วยเหลือก็ถูกลืม
เมื่อชาวกัมพูชาอ้างสิทธิในพื้นที่ สร้างบ้านเรือนกว่า 200 หลังคาเรือน ทั้งที่อยู่ในอธิปไตยไทย ตามแผนที่ 1:50,000
ปฏิบัติการทางทหารของกองทัพภาคที่ 1 หลัง 2 ประเทศมีปัญหา เข้ารื้อบ้านและล้อมลวดหนามหีบเพลง จึงสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวกัมพูชา แม้จะอ้างสิทธิ์ แต่หลักฐานเชิงประจักษ์ว่าเป็นผู้บุกรุก
เรื่องราวนี้สะท้อนผ่านคำบอกเล่าของ "ประกาย อีมเจือ" ชาวกัมพูชา อพยพมาเมื่ออายุ 21 ปี พร้อมครอบครัว และแต่งงานกับคนไทย
หลังสามีชาวกัมพูชาถูกระเบิดเสียชีวิต ยืนยัน พื้นที่ใกล้หลักเขตที่ 46-48 เป็นของไทย แต่ถูกชาวกัมพูชามาอยู่เต็มหมู่บ้าน
สัมฤทธิ์ พรมมี ชาวบ้านหนองจาน เป็นอีกคนที่จดจำทุกรายละเอียดได้แม่นยำ บอกว่า วัดหนองจานเต็มไปด้วยชาวกัมพูชา ไล่ไปถึงชายแดน ลูกเล็กเด็กแดงเต็มไปหมด
ส่วนคนไทยต้องย้ายเข้าไปในเมือง เพราะที่นี่กลายเป็นค่ายลี้ภัยชั่วคราว แต่สุดท้ายกลับถูกยึดที่ดิน มีอดีตทหารกัมพูชารวมอยู่ด้วย มองว่าถ้ารัฐไทยไม่นิ่งเฉย คงไม่คาราคาซังแบบนี้
เมื่อไทยอ้าแขนช่วยเหลือ ด้วยน้ำใจและหลักมนุษยธรรม กลับถูกตลบหลัง อ้างสิทธิยึดพื้นที่ จากมิตร จึงกลายเป็นศัตรู
เวลากว่า 30 ปีที่คนไทยถูกลิดรอนสิทธิ ทำกินในที่ดินไม่ได้
รัฐเมินเฉย สะท้อนความเปราะบางของอำนาจ จนปัญหาปะทุ เสียหายด้วยกันทุกฝ่าย
จนต้องหาทางแก้ หวังผลยั่งยืน ท่ามกลางสมรภูมิการปะทะ