วันนี้ (28 ส.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านและผู้สูงอายุใน ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่จรวด BM-21 ตกใส่ช่วงที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชากว่า 20 ลูก จนทำให้มีชาวบ้านบาดเจ็บ 1 คน วัวตาย 2 ตัว และบ้านพัง 2 หลัง ต้องพากันอพยพหนีตายออกนอกพื้นที่ ต่างออกมาจับกลุ่มพูดคุยและแสดงความเห็นว่า ไม่เชื่อใจฝั่งกัมพูชาที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงในการประชุม RBC ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา
แม้ในที่ประชุมจะเน้นให้ใช้การเจรจา เสริมสร้างความเชื่อมั่น ลดความตึงเครียด และธำรงไว้ซึ่งสันติภาพตามแนวชายแดน โดยมุ่งใช้ทุกกลไกที่จำเป็นในการแก้ไขความแตกต่างด้วยสันติวิธี หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่ที่ผ่านมาฝั่งกัมพูชาก็ไม่เคยรักษาคำพูด ยังละเมิดข้อตกลงและอนุสัญญาต่าง ๆ หลายครั้ง และยังมีการรุกล้ำอธิปไตย สร้างเรื่องโกหก ใช้เด็กคนแก่เป็นโล่มนุษย์ออกมาสร้างเรื่องยั่วยุไทยตลอด และล่าสุดหลังจากประชุม RBC จบลง ทหารไทยที่ออกลาดตระเวนก็ไปเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บอีก 3 นาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ขาขาด ถือเป็นทหารนายที่ 6 ที่ต้องสูญเสียขาจากการลอบวางระเบิดของกัมพูชา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าคำพูดกับการกระทำของฝ่ายกัมพูชาสวนทางกันมาโดยตลอด
นางช้อย ยงปัญญา อายุ 83 ปี ชาว ต.บ้านกรวด บอกว่า สิ่งที่กัมพูชากระทำอยู่ทุกวันนี้สวนทางกับคำพูด ทั้งการรุกล้ำอธิปไตย นำประชาชนออกมาเคลื่อนไหวประท้วง ตัดรื้อรั้วลวดหนาม เพื่อยั่วยุกดดันฝ่ายไทยตลอด แม้จะมีการเจรจาทำบันทึกข้อตกลงกันหลายครั้ง ฝ่ายกัมพูชาก็ไม่เคยทำตาม ชาวบ้านจึงไม่เคยเชื่อใจกัมพูชาเลย ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านอยากให้สถานการณ์สงบ เพื่อที่ประชาชนจะได้ใช้ชีวิตทำมาหากินเป็นปกติ ไม่ต้องคอยหวาดระแวงว่าจะต้องวิ่งหลบกระสุนปืนใหญ่ตอนไหน แต่ทุกวันนี้ยังนอนไม่ค่อยจะหลับ หลังจากผ่านเหตุการณ์หนีตายช่วงที่ปะทะกันวันที่ 24 – 28 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา หากเป็นไปได้ก็อยากให้ทางการไทยใช้มาตรการเด็ดขาดอะไรก็ได้ ที่จะไม่ให้กัมพูชาเข้ามารุกล้ำอธิปไตย หรือกระทำการอะไรที่ละเมิดไทยได้อีก