จับเด็ก นร. 13 ปี อ.ปริญญา ติงชาตินิยมต้องมีมนุษยธรรม

จับเด็ก นร. 13 ปี อ.ปริญญา ติงชาตินิยมต้องมีมนุษยธรรม

View icon 189
วันที่ 28 ส.ค. 2568 | 13.02 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
จับเด็ก นร. 13 ปี อ.ปริญญา ติงชาตินิยมต้องมีมนุษยธรรม ทำเลยเถิดก็ไม่ต่างอะไรกับฮุนเซน จับกุมเด็กและส่งเด็กออกไปนอกประเทศ ผิดอนุสัญญาสิทธิเด็กอย่างรุนแรง ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้ทราบเรื่องและกำลังดำเนินการ ขอบคุณคุณครูที่ออกมาเล่าเรื่องนี้

เด็กนักเรียนอายุ 13 ปี โดนจับคนต่างด้าว วันนี้ (28 ส.ค.68) ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า ชาตินิยมต้องมีมนุษยธรรมด้วย ไม่ควรจะเลยเถิดกันเกินไป แม้ว่าเด็กนักเรียนคนนี่้จะมีแม่เป็นคนกัมพูชา แต่แม่ของเขาได้พามาอยู่ในไทยตั้งแต่ยังเป็นทารก แล้วเด็กคนนี้ก็เรียนดีจบประถมด้วยเกรด 4.0 ความประพฤติ กีฬา วิชาการทุกอย่างดีหมด อยู่ในไทยตั้งแต่แบเบาะ พูดกัมพูชาไม่ได้แม้แต่คำเดียว บ้านที่กัมพูชาก็ไม่มี ไม่รู้เรื่องราวอะไรกับปัญหาที่ผู้ใหญ่ก่อขึ้น แล้วเราจะใจไม้ไส้ระกำส่งเขากลับกัมพูชาหรือ

“ถ้าทำอย่างนั้นเราเสียหายในสายตาชาวโลกแน่ แล้วก็จะถูกมองว่าไม่มีมนุษยธรรม ไม่ต่างอะไรกับฮุนเซน ผมขอเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทยออกหน้ามาแก้ปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ในทางกฎหมาย อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ และผมเห็นว่าเราต้องทำ ประชาคมโลกจับตาเราอยู่”

นอกจากนี้ อ.ปริญญา ยังได้อัปเดตข้อมูลหลังค้นข้อกฎหมายและได้พูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงขออนุญาตสรุปความคืบหน้าให้ท่านที่ติดตามเรื่องได้ทราบดังนี้

1.ประเทศไทยเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) การจับกุมเด็กและส่งเด็กออกไปนอกประเทศเช่นนี้ จึงเป็นการผิดอนุสัญญาสิทธิเด็กอย่างรุนแรง และเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทยมาก

2.ที่ผิดมากคือเจ้าหน้าที่ตำรวจสุรินทร์ที่ไปจับกุมเด็กโดยไม่มีหมายจับ และไม่ได้มีเหตุทำผิดซึ่งหน้าหรือหลบหนี อีกทั้งไปจับในโรงเรียนซึ่งเป็นที่รโหฐานจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย นอกจากนี้ยังผิดกฎหมายในเรื่องการคุ้มครองเด็กอีกหลายฉบับหลายมาตรา

3.เพราะประเทศไทยเป็นประเทศภาคีอนุสัญญาสิทธิเด็ก กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มีการทำ MOU กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ในการจะไม่มีการจับกุมและส่งเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยออกไปนอกประเทศ โดยจะได้มีการหาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป

4.สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีการประสานงานกับกรมกิจการเด็กและเยาวชนแล้ว และกรมกิจการเด็กและเยาวชนกำลังประสานงานกับ ตม. เพื่อระงับการส่งตัวออกไปนอกประเทศ

5.กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่มีอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ในการอนุญาตคนที่ไม่มีสัญชาติไทยให้พำนักในเมืองไทย จึงมีอำนาจโดยตรงในการให้ความช่วยเหลือเด็กคนนี้ต่อไป ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้ทราบเรื่องแล้ว

6.Unisef ที่ดูแลเรื่องสิทธิเด็กและติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสิทธิเด็ก ได้ทราบเรื่องแล้วและกำลังติดตามความคืบหน้าในการแก้ปัญหา

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้ทราบเรื่องและกำลังดำเนินการ ขอบคุณคุณครูที่ออกมาเล่าเรื่องนี้ ขอบคุณสื่อมวลชนและทุกท่านที่ช่วยกันติดตามครับ เป็นทั้งการปกป้องสิทธิของเด็ก ปกป้องมนุษยธรรม และปกป้องชื่อเสียงของประเทศไทยด้วย หวังว่าเรื่องนี้จะออกมาในทางที่ดี และไม่เกิดเหตุแบบนี้อีก” อ.ปริญญา สรุปทิ้งท้าย