พลทหารน้ำตาไหล ได้เจอครอบครัวหลังเหยียบระเบิด

พลทหารน้ำตาไหล ได้เจอครอบครัวหลังเหยียบระเบิด

View icon 283
วันที่ 28 ส.ค. 2568 | 15.05 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
"พลทหารอดิศร" น้ำตาไหล ได้เจอพ่อแม่ ภรรยา และลูกสาววัย 3 ขวบ หลังเหยียบระเบิดจนขาขาด ด้านแพทย์เผยใช้เวลาผ่าตัดเกือบ 2 ชั่วโมง ยังต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนเลือดที่ขอรับบริจาคตอนนี้เพียงพอแล้ว

วันนี้ (28 ส.ค.68) ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ พ่อแม่ ภรรยา ลูกสาว พร้อมญาติๆ รวม 30 ชีวิต ได้เดินทางจาก จ.นครราชสีมา มาเยี่ยม พลทหารอดิศร ป้อมกลาง หรือโก้ ตำแหน่งพลปืนกลมินิ สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 ประจำการพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังได้เหยียบกับระเบิด PMN-2 ขณะออกตรวจแนวบังเกอร์ 11–12 บริเวณด้านขวาของปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เวลาประมาณ 15.45 น. วันที่ 27ส.ค. 68 ที่ผ่านมา แรงระเบิดทำให้ข้อเท้าขวาขาด ได้รับบาดเจ็บสาหัส

โดยก่อนที่จะขึ้นไปเยี่ยม นางเสาวลักษณ์ ป้อมกลาง อายุ 46 ปี แม่ของพลทหารอดิศร เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ในวันนี้ครอบครัว และญาติๆ กว่า 30 คน ตั้งใจมาเยี่ยมลูกชาย  ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนเองยังไม่ได้โทรคุยกัน วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เจอหน้าลูกชายหลังเกิดเหตุ พร้อมยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้ตนเองได้นำชายผ้าถุง ให้ลูกชายพกติดตัวไว้ ในขณะที่มาประจำการในพื้นที่ชายแดน ซึ่งที่ผ่านมา ลูกชายก็แคล้วคลาดปลอดภัยมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ ที่มีเหตุการณ์ทหารแนวหน้าถูกระเบิดเสียชีวิต ลูกชายของตนเองก็เคยเกือบถูกระเบิดเช่นกัน แต่ก็รอดมาได้ แต่ในครั้งนี้ ลูกชายโทรมาบอกตนเองว่าชายผ้าถุงที่แม่ให้นั้นหายไป ตนเองจึงทำได้แค่ส่งกำลังใจให้ลูก

ส่วนหลานสาว วัย 3 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายของพลทหารอดิศร ตอนนี้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ทางครอบครัวบอกว่า พ่อไม่สบาย เป็นไข้ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ในวันนี้ก็พาหลานสาวมาเยี่ยมด้วยเช่นกัน

แม่ของพลทหารอดิศร ยังกล่าวทิ้งท้ายทั้งน้ำตา ว่า หลังเกิดเหตุการณ์กับลูกตนเองขึ้น ตนเองจุกในอก และไม่รู้จะพูด หรือฝากอะไรถึงฝั่งกัมพูชา แต่อยากวอนให้รัฐบาลไทย เอาคืนกับฝั่งกัมพูชาให้หนัก

ขณะที่ นายไหล  ป้อมกลาง  อายุ 56 ปี  พ่อของพลทหารอดิศร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเยี่ยมลูกชายว่า ยังรู้สึกใจหาย ที่ลูกชายเหยียบกับระเบิดจนขาขาด  แต่ก็รู้สึกภูมิใจมาก ที่ลูกชาย ได้ทำหน้าที่ทหารอย่างเต็มที่ ในการรักษาแผ่นดินไทย

และก็อยากให้กำลังใจทหารนายอื่นๆที่ทำหน้าที่อยู่แนวหน้า  รวมถึงอยากให้กำลังใจแม่ทัพภาค 2 หลังจากนี้หากลูกชายหายดีแล้วก็จะพาลูกชาย กลับไปดูแลต่อที่บ้าน ส่วนเรื่องของการเยียวยานั้นก็เป็นเรื่องรัฐบาลต่อไป

ส่วนบรรยากาศในหอผู้ป่วย ทันทีที่ครอบครัว เดินทางเข้าไปเห็นสภาพของพลทหารอดิศร นอนรักษาอยู่ ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จากนั้นก็ได้มีการนำด้ายสายสิญจน์มาผูกข้อไม้ข้อมือ เพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจ

ด้าน นพ.นาวิน  ขันธรักษา ศัลยแพทย์โรงพยาบาลสุรินทร์  แพทย์ที่ทำการผ่าตัดรักษา เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ใช้เวลาผ่าตัดเกือบ 2 ชั่วโมง โดยไม่ สามารถรักษาข้อเท้าขวาไว้ได้ จึงต้องทำการตัดช่วงหน้าแข้ง  และผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดที่ข้อมือขวา  ใบหน้า และตามร่างกายออกทั้งหมด  โดยมีเพื่อนของพลทหารอดิศร ได้บริจาคเลือดมาให้ทำให้การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ตอนนี้ก็ไม่ได้มีเลือดออกแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อระวังแผลติดเชื้อและจะต้องพักรักษาตัวต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ที่โรงพยาบาล

ขณะที่แพทย์หญิงกฤษณา ร้อยศรี  รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์   รักษาการผู้อำนวยการ บอกว่า ตอนนี้มีประชาชน ได้แสดงความจำนงเข้ามาเป็นจำนวนมากในการบริจาคเลือด ซึ่งต้องแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลมีเลือดเพียงพอทุกกรุ๊ปเลือด  จึงขอให้ประชาชนชะลอการบริจาคเลือดก่อนหากมีเหตุฉุกเฉินครั้งต่อไป จะมีการประชาสัมพันธ์และติดต่อให้เข้ามาบริจาคเลือดอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง